วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์

ไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่เราใช้แล้วจะปลอดภัย 100% ถ้าผลิตภัณฑ์ไหนบอกมาว่าไม่แพ้แน่นอนแสดงว่าอันนั้นโกหกเพราะแต่ละคนจะมีการแพ้แตกต่างกันไป บทความนี้ก็จะพูดถึงการป้องกันเพื่อให้โอกาสในการแพ้เครื่องสำอางน้อยที่สุด

ทำอย่างไรถึงจะป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์ได้

- อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมที่อยู่บนผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่เราต้องใช้ หากพบว่ามีส่วนผสมตัวใดที่เคยทำให้แพ้ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้น คอยสังเกตส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ว่าตัวใดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมตัวนั้น

- เมื่อจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ให้ทำการแต้มผลิตภัณฑ์นั้นในบริเวณแคบ ๆ ก่อน หรือที่เรียกว่า mini-patch test เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ โดยการแต้มผลิตภัณฑ์นั้นบนข้อมือด้านใน หรือบริเวณข้อศอกทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง แล้วดูว่ามีอาการแพ้เกิดขึ้นหรือไม่

- เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรผสมง่าย ๆ ยิ่งมีส่วนผสมมากยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพ้ได้มากขึ้น ด้วยส่วนผสมน้อย ๆ ก็จะทำให้ง่ายในการหาสาเหตุของการแพ้ได้

- ฉีดน้ำหอมในบริเวณเสื้อผ้าจะดีกว่าการฉีดลงบนผิว แล้วรอให้น้ำหอมที่ฉีดบนเสื้อผ้าแห้งเสียก่อนจึงค่อยสวมใส่เสื้อผ้านั้น


- ควรระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเมคอัพ เนื่องจากจะต้องอยู่บนผิวหน้าเป็นเวลานานระหว่างวัน เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็น hypoallergenic, ปราศจากน้ำหอม, และ non-comedogenic อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากเช่นนี้ก็ยังอาจทำให้เกิดการแพ้ได้

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฉลากผลิตภัณฑ์

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักส่วนผสมแต่ละตัวในผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่ทราบอยู่แล้วว่าจะทำให้คุณเกิดอาการแพ้ เพื่อให้ง่ายขึ้น FDA ได้ระบุให้บริษัทเครื่องสำอางแจงรายการส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ไว้บนฉลาก ไล่ตามความมากน้อยของส่วนผสมแต่ละรายการ โปรดจำไว้ว่า ความลับทางการค้าและส่วนผสมของรสชาติและความหอม นั้นไม่จำเป็นจะต้องแจงรายละเอียด

และอีกประการหนึ่งของฉลากผลิตภัณฑ์ที่ว่า “ไม่มีกลิ่น” หรือ “ปราศจากน้ำหอม” ก็อาจผสมน้ำหอมปริมาณน้อย ๆ เพื่อกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ของส่วนผสมอื่น ๆ ที่เป็นเคมี “ธรรมชาติ” หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากต้นไม้หรือสัตว์ มากกว่าส่วนผสมที่ได้จากสารเคมี ฉลากผลิตภัณฑ์ที่แจงว่า “non-comedogenic” จะต้องไม่มีส่วนผสมที่ทำให้อุดตันรูขุมขนอันอาจทำให้เกิดสิว

ฉลากเครื่องสำอางนั้นเป็นประโยชน์มากเมื่อเราต้องการทราบส่วนผสมต่าง ๆ แต่ควรระวังเรื่องของเจตนาในการอ้างถึงสรรพคุณผลิตภัณฑ์ เช่น มีผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวที่แจงว่าเป็น Hypoallergenic เพื่อจะบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้าย ๆ กัน ซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ แต่บริษัทผู้ผลิตนั้นไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ข้อกล่าวอ้างนั้น อีกประการหนึ่ง ฉลากผลิตภัณฑ์ที่แจงว่า “organic” นั้นไม่ได้แปลว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ จำไว้ว่า ไม่มีเครื่องสำอางใดที่สามารถรับประกันได้ว่าไม่ทำให้เกิดอาการแพ้

คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย

- รักษาความสะอาดให้ดีอยู่เสมอ ทำความสะอาดมือและผิวหน้าก่อนการใช้เมคอัพทุกครั้ง

- ไม่ควรใช้เมคอัพร่วมกับผู้อื่น

- หากต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ในร้าน พยายามขออุปกรณ์ช่วยทาอันใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้ และบอกพนักงานขายให้เช็ดทำความสะอาดผลิตภัณฑ์สำหรับทดลองด้วยแอลกอฮอล์

- ปิดขวดหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องสำอางให้แน่นสนิท ไม่ให้สัมผัสกับฝุ่นและสิ่งสกปรก หลังจากเปิดใช้แล้ว

- เก็บเครื่องสำอางให้พ้นจากความร้อนและแสงแดด

- ไม่ควรใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา หากมีการติดเชื้อที่ดวงตา แต่หากมีการใช้ในช่วงที่ติดเชื้อให้หยุดใช้แล้วทิ้งเครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตานั้น ๆ ทิ้งไป แล้วใช้ของใหม่เมื่อการติดเชื้อที่ดวงตาหายดีแล้ว

- ทิ้งผลิตภัณฑ์ที่มีการเปลี่ยนของสีหรือกลิ่น เพราะนั่นอาจหมายถึงสารกันเสียที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไม่อาจป้องกันเชื้อแบคทีเรียได้อีกต่อไป หรือสารกันเสียหมดอายุแล้วนั่นเอง

- หากผลิตภัณฑ์มีความเปลี่ยนแปลงของเนื้อผลิตภัณฑ์ ให้ทิ้งไปเลย

- ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าและอุปกรณ์ในการแต่งหน้าอยู่เสมอทุกสัปดาห์

ขอบคุณเนื้อหาดีๆ จาก
http://www.acnethai.com/

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ผู้ชาย 14 ประเภทที่ผู้หญิงร้องยี๊........ !!!

จากการประมวลความคิดและประสบการณ์ของความเป็นผู้หญิง งานนี้คุณผู้ชายต้องพิจารณาตัวเอง ว่าคุณเข้าข่ายประเภทไหนนะคะ ?

อันดับ 1. ผู้ชายขี้ซ้อม ผลโหวตออกมาชนะขาดลอย ! เป็นอันดับที่ผู้หญิงเราร้องยี๊มาอันดับหนึ่งว่า ยังไง๊....ยังไงก็รักไม่ลง ผู้ชายอย่างนี้ อยากหนีห่างไปให้ไกลสักร้อยไมล์ เอะอะก็ใช้กำลังตัดสิน ฉุดกระชากลากถูเราอย่างแรงกลางห้าง หน้าป้ายรถเมล์ หรือที่ไหนก็ตามแต่ ขนาดที่สาธารณะยังกล้าทำอย่างนี้ แล้วในที่รโหฐานจะทำขนาดไหน แค่เรามีปากเสียงนิดหน่อย ก็ตวาดเรา (ถึงแม้บางที เราจะขี้โวยวาย ไร้เหตุผลไปบ้างก็เหอะ แต่นี่ก็เป็นธรรมชาติของผู้หญิงเรานี่นา)

ไม่ใช่ว่าคุณจะใช้กำลังกับเราได้นะคะ อย่าลืมว่าพวกเราก็บอบบาง (ถึงแม้จะแสนห้าว) แต่เราก็สู้แรงของพวกคุณไม่ได้หรอก หลายคู่ที่รักกันเป็นแฟนกันแล้วก็มี แต่การที่คุณผู้ชายชอบซ้อมเรา อาจทำให้เราต้องตาสว่างขึ้นสักวัน พานเอาหมดรักกันได้ง่ายๆ อย่าโกรธกันเลย ถ้าสักวันพวกเราต้องลุกขึ้นมาเอาคืนเหมือนหนังเรื่อง Enough ทีสาวเจนนิเฟอร์ โลเปซแสดงไว้เมื่อหลายปีก่อน ลองไปหาดูซะแล้วคุณอาจจะเข้าใจผู้หญิงอย่างเรามากขึ้

อันดับ 2 . ผู้ชายใจตู๊ดดดดด....(ดูดเสียงแบบขอเซ็นเซอร์ค่ะ) อันนี้ความตู๊ดดดดด.....มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับอนุบาล ไปจนถึงปริญญาเอก (ขั้นนี้จะมีระดับความเป็นตู๊ดดดดดด.....สูง) เราไม่ได้หมายถึงเพศที่สามแต่อย่างใด แต่หมายถึงผู้ชายที่มีนิสัยของผู้หญิงอยู่ในตัวและในกระแสโลหิตสูง คือยังชอบผู้หญิงนะ ไม่ได้เบี่ยงเบนทางเพศ แต่พฤติกรรมและนิสัยไม่แมนเอาซะเรยย์

ถ้าเป็นระดับอนุบาลก็ยังพอทน เพราะจะแค่จุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น ช่างซัก ช่างถาม พูดมาก ขี้อิจฉา ไม่เจ้นท์ (Gentleman คือไม่เป็นสุภาพบุรุษ ประมาณ ขึ้นรถเมล์แล้วแกล้งหลับ แย่งผู้หญิง เด็ก และคนชรานั่ง แบบโฉบวิ่งไปนั่งตัดหน้าไปเลย) คิดเล็กคิดน้อย ขี้น้อยใจ (ทั้งที่ศีรษะก็ยังไม่ล้านสักกะหน่อย) อารมณ์อ่อนไหวง่าย แค่ดูซีรี่ย์เกาหลีน้ำตาก็ไหลพรากๆ ซะจนเราที่นั่งดูน้ำตาซึมอยู่ข้างๆ ชักเอะใจว่า แมนจริงป่าวเนี่ย ?

จนไปถึงระดับปริญญาเอกคือ ชอบเอารัดเอาเปรียบพวกเรา เอาผู้หญิงไปเม้าท์ลับหลัง ทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง (หรือจะเม้าท์พวกเราต่อหน้าก็ไม่ได้นะคะ เพราะมันไม่แมนค่ะคุณ) อันนี้เป็นสิ่งที่พวกเรารับไม่ได้มากๆ กับผู้ชายขี้นิน (ทา) ผิดบทบัญญัติของความเป็นบุรุษ (ที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงความสุภาพ) อย่างรุนแรง ชนิดที่เราอภัยให้ไม่ได้ ข้อหาร้ายแรงพอๆ กับทำร้ายร่างกาย นี่ยังไม่รวมถึงหัวข้อที่พวกคุณเอาพวกเรามาเม้าท์นะคะ อย่างเรื่องการแต่งตัว การวางตัว การทำงาน และความรัก บางคนก็เลือกที่จะประจานเราโดยแกล้งพูดถึงเราเสียงดังๆ กลางออฟฟิศ หรือที่สาธารณะให้เราเกิดความอับอาย ไม่ว่าจะเพื่อผลประโยชน์ทางหน้าที่การงาน หรือเพื่อแก้แค้นส่วนตัวก็ตามแต่ หรือบางคนเอาพวกเรามาเม้าท์ถึงเรื่องในมุ้ง หยาบคายที่สุดค่ะ เราอยากบอกว่านิสัยอย่างนี้ผู้ชายดีๆ เค้าไม่ทำกันหรอกค่ะ

อันดับ 3 . ผู้ชายโชว์พราว อารมณ์แบบว่า "ข้าเสน่ห์แรงนะ " ปลาบปลื้มตัวเองอย่างออกนอกหน้า เอ่ยปากชมตัวเองเปาะอย่างไม่อายปากต่อหน้าผู้หญิงว่า" ผมน่ะผ่านมาเยอะ มีแต่ผู้หญิงยอมสยบอยู่แทบเท้าผมมานักต่อนัก ขนาดสลัดไปแล้วก็ยังต้องกลับมาหาผมอีก" "ชีวิตผมไม่เคยว่างเลย ดูสิเนี่ยโทรมาอีกแระ" พูดอย่างนี้เหมือนคุณจะให้พวกเรายอมเป็นตัวเลือก เป็น Choice อีก Choice หนึ่งของคุณ ฝันไปเถอะค่ะ!!!! โลกทั้งโลกไม่ได้มีแค่คุณเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าแบบที่แมน 100 % จะเหลือน้อยก็ตามที ผู้หญิงเรา 100 ทั้ง 100 ก็เอือมระอากับผู้ชายอย่างนี้เต็มทน !!! ถ้าคุณอยากโชว์พราวจริงๆ เราพร้อมที่จะส่งคุณไปอยู่ดาวศุกร์ ไปโชว์พราวซะให้พอเลยค่ะ !!!

อันดับ 4. ผู้ชายแอ๊บแบ๊ว ไม่ใช่ผู้หญิงเราเท่านั้นที่มีจริตแบบ 100 เล่มเกวียน ผู้ชายแบบนี้ก็มีอยู่ในโลกค่ะ ชอบมาทำหน้าซื่อตาใส บ๊องแบ๊ว (ทางปัญญา) ว่า "อ้าว จริงหรอ ผมต้องซื้อดอกไม้ให้คุณหรอ ?" "อ้าว ผมต้องเลี้ยงข้าวคุณหรอ ?" "อ้าว ผมต้องขอโทษคุณ ต้องง้อคุณก่อนหรอ ?" คำพูดเหล่านี้ทำให้พวกเรารู้สึกว่าพวกคุณกำลังดัดจริตอยู่ค่ะ เห็นแล้วมันคันไม้ คันมือ อยากสะบัดปลายเล็บเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาของพวกคุณสักป๊าบ สองป๊าบ เผื่อความแบ๊วจะกระเด็นหลุดออกจากสมองของคุณซะบ้าง !!!

อันดับ 5. ผู้ชายพันธุ์ Me สะกดคำว่า "ให้" ไม่เป็น เหมือนพจนานุกรมของคุณไม่เคยมีคำๆ นี้มาก่อน ถ้าคุณ "ให้" นั่นก็คือคุณกำลังหว่านพืชเพื่อหวังผล มองว่าความรักเป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นเกมที่คุณต้องชนะ หรือตักตวงผลประโยชน์ไปให้คุ้มกับที่คุณจ่ายไป ผู้ชายประเภทนี้จะไม่รู้จักคำว่า "น้ำใจ" ประหนึ่งว่าโลกนี้มีแค่เค้าคนเดียว เป็นมนุษย์พันธุ์ Me คือมีแต่ตัวเอง ห่วงแต่ตัวเอง แค่เรื่องง่ายๆ อย่างการหยุดรถให้คนข้ามถนนแค่ไม่ถึง 1 นาที คุณยังไม่ยอมเล๊ย... นับประสาอะไรกับการเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น บางคู่พอเป็นแฟนกันแล้วก็แสดงความเห็นแก่ตัวแบบมนุษย์พันธุ์ Me ออกมา อย่างเช่น เก๋ พนักงานบริษัทเล่าว่า"เคยไปทานข้าวกับแฟนใน Food Court แล้วแฟนหนุ่มก็ซื้อน้ำมาเฉพาะแต่ของตัวเอง พอถามไปว่าไม่ได้ซื้อมาเพื่อหรอ ก็ดั๊นมาย้อนบอกเราหน้าตาเฉยว่าก็ไปซื้อกินเองสิ" บางคนก็เหมือนหลอกเราไว้เป็น Maid ประจำ บ้าน ใช้ให้เราทำความสะอาดบ้านให้ทุกวี่วัน เราก็หลงกลทำให้เพราะความรักกำลังบังตา รากราคะกำลังออกฤทธิ์ พอใช้เราเสร็จสมใจก็ "เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องมา เราไม่ว่าง" บ้างที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ก็หลอกให้เราทำรายงานให้ ขืนหลงกล แต่งงาน อยู่กินกับผู้ชายประเภทนี้ พวกเรามิต้องหาเลี้ยงคุณ กลายเป็น "ทาสีภริยา" ไปตลอดหรือ ? ( ตามหลักศาสนาพุทธ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของสามี - ภริยา 4 ประเภท "ทาสีภริยา" คือ ความสัมพันธ์ ที่ภรรยาเป็นเยี่ยงทาส ไม่มีปากเสียง ต้องคอยอยู่รับใช้สามี ถึงจะน้ำตาเช็ดหัวเข่าก็ต้องทน ประมาณว่าจะต้องกราบเท้าทุกคืนก่อนประมาณนั้น) นี่ถ้าเกิดว่า มีคนเอาปืนมายิงคุณ คุณคงกระชากเอาตัวเราเข้าเป็นโล่รับกระสุนแทนคุณเป็นแน่ ! อย่าลืมซิคะ ว่า "มนุษย์เป็นสัตว์สังคม" ถ้าคุณเป็นมนุษย์เราก็ขอแนะนำให้คุณแบ่งปันกันบ้างสักกะนิด ไม่ใช่แค่เฉพาะกับเรา แต่กับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน คุณก็คงไม่ตายวันนี้ พรุ่งนี้หรอกจริงม๊ะ ?

อันดับ 6. ผู้ชายหลงเงา ผู้ชายประเภทนี้จะขี้โอ่ ชอบอวดภูมิ บางทีไม่รู้อะไรหรอก แต่ชอบโชว์พาว (เวอร์ ) ฟอร์มจัด เก๊กเท่ แบบว่าผมเก่ง เก่งไปซะทุกเรื่อง ใครคุยอะไรก็คุยกับเค้าไปซะทุกเรื่อง แทบจะเป็นพหูสูตรอยู่แล้ว ผู้ชายพวกนี้จะหลงตัวเอง ไปจนถึงงมงายชื่นชมแต่เพศของตัวเอง บางคนอาการหนักจนถึงขั้นเป็นโรคจิตได้ ทางการแพทย์เค้าเรียกว่า โรค Narcissism ค่ะ เรารู้ว่าคุณคือเพศที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ แต่เราอยากแนะนำพวกคุณว่า โง่บ้างก็ได้ค่ะ เงียบบ้างก็ดี โลกนี้ไม่มีใครรู้อะไรไปหมดทุกอย่าง เวลาที่คุณพลั้งพลาดไปบ้างโดยไม่ตั้งใจ เราก็พร้อมให้อภัย คอยยืนเคียงข้าง และส่งสายตามองคุณอย่างเอ็นดูไม่ใช่เยาะเย้ย เวลาที่พวกคุณเขินอายน่ะ น่ารักดีออก !

อันดับ 7. ผู้ชายมิดชิด ปิดบังกันซะเรื่อย ชอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมใน ปั้นน้ำเป็นตัวกันเป็นตัวๆ เลยทีเดียว แบบจับให้มั่นคั้นให้ตายยังไงก็ยังไหลไปได้ซะดื้อๆ เมื่อกี๊เพิ่งรับสายจากแฟนเก่าอยู่แหม๊บๆ ยังมาบอกว่าไม่ใช่ พอเราบอกว่ารู้นะว่านี่เบอร์แฟนเก่าเธอ ก็ไหลไปว่าไม่มีอะไร ทั้งๆ ที่นัดกันไปดูหนัง กินข้าว ซื้อของกับเค้าเนี่ยนะ พอทางโน้น โทรมาให้ไปรับก็ไปทันที พอรู้ว่าเราจับได้ ก็ยังมาใช้ลมปากมายกยอว่า ไม่เคยทำให้ใครเท่าทำให้เรา ไม่เคยให้ใครยุ่งมือถือ เธอนี่แระคนแรก หรืออย่างบางคนก็ไม่นิยมเปิดเผยความสัมพันธ์ สั่งเสีย เราซะดิบดีว่า" อย่าบอกใครนะว่าเราคบกัน อย่าบอกใครนะว่าเราไปดูหนังด้วยกัน เจอกันในออฟฟิศก็ทำเป็นไม่รู้จักกันนะ กลัวเธอเสียชื่อน่ะ" เชอะ ! เราไม่หลงกลค่ะ ถ้าชีวประวัติคุณ มันไม่ใสสะอาดขนาดนี้พวกเราก็คงต้องขอบาย แล้วตะโกนใส่หน้าคุณดังๆ ว่า "ชั้นไม่ใช่ภรรยาเก็บของคุณนะ !"

อันดับ 8. ผู้ชายหนวดปลาหมึก ชอบแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าประชาชี คนรักกันไม่จำเป็นต้องแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้นมั้งคะ โอบไหล่ โอบเอว และโอบต่ำไปเรื่อยๆ มันเป็นภาษากายที่ใครๆ เค้าจะตีความหมายไปถึงไหนต่อไหน นั่งอยู่ข้างๆ กันก็ยังเอามือมาจับ มาพาดที่ขาอ่อน อย่างนี้เค้าเรียกไม่ให้เกียรติกัน ถึงผู้หญิงเราจะนิ่งเฉย ไม่บ่นว่าอะไร แต่บางคนเค้าก็อึดอัดกับการกระทำของคุณ ไม่ใช่ว่าเค้าชอบหรอกนะคะ ผู้ชายบางคนก็ขี้หึงไม่เข้าเรื่อง ป่าวประกาศอย่างเต็มที่ว่า "ผู้หญิงคนนี้ของข้า" ห้ามนั่น ห้ามนี่เราไปหมด ห้ามคุยกับคนอื่น เห็นเราคุย MSN ก็ไม่พอใจ ห้ามไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนผู้หญิงก็ไม่ได้ อยู่ที่ไหนทำอะไรต้องรายงานตลอด อันนี้ผู้หญิงบางคนที่รักอิสระก็ไม่ชอบหรอก "แฟนนะคะ ไม่ใช่พ่อ" ขอพื้นที่ให้เราได้หายใจบ้าง รักกันมากไปมันจะกลายเป็นอึดอัดเอานะคะ

อันดับ 9. ผู้ชายเกลือสมุทร งกไปซะทุกเรื่อง เค็มซะแปซิฟิกเรียกพี่ แอนตาร์กติกเรียกพ่อ อย่างนี้เราก็ไม่ปลื้ม ! เวลาไปเที่ยวที่ไหนด้วยกันคงทะเลาะกันตาย ยิ่งถ้าไปช็อปปิ้ง เดินห้างด้วยกันแล้ว คงได้เดินทางใครทางมันก็คราวนี้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าผู้หญิงน่ะขี้ช็อป อะไรสวยๆ งามๆ หน่อยก็แตกแบงค์กระจาย เบรกๆห้ามๆ กันบ้างก็ไม่ว่า แต่ไม่ใช่จะเบรกเรื่องของเราไปซะทุกสิ่งอัน ทีจะเลี้ยงไอติมแท่งเราสักแท่งยังยากเลย เหรียญสลึงซักบาทยังไม่กระเด็น จะเก็บตังค์ไว้เผากงเต๊กตัวเองหรอค่ะ

อันดับ 10. ผู้ชายขี้อ่อย ชาติก่อนคงเกิดเป็นช่างทำสะพานหรือไม่ก็เป็นชาวนามาก่อน ทั้งอ่อย ทั้งทอดสะพาน ทั้งหว่านเค้าไปทั่ว ต้นกล้าขึ้นตรงไหนก็ไปเก็บตรงนั้น ไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะหว่านเมล็ดไป 10 มันก็ต้องโตสัก 7 ล่ะว้า เห็นใครน่ารักเป็นไม่ได้ จีบดะ หรือว่าเพราะเห็นพวกเราเป็นประชากรจำนวนมาก และพวกคุณคือประชากรจำนวนน้อย จึงทำให้คุณหยิ่งทะนงว่ายังไงเราก็ต้องตกหลุมคุณเป็นแน่ ถึงได้ทำตัวแบบว่า "รักนะแต่ผมไม่จริงจัง" ชอบหว่านเสน่ห์เค้าไปทั่ว พอผู้หญิงเราหลงกลเริ่มจะจริงจังด้วย ก็ชิ่งหนี "ผมไม่ผิดนี่ คุณมาหลงผมเอง" หรือ "ผมรักคุณแบบเพื่อน หรือ แบบน้องสาวเท่านั้น" แล้วคุณจะมาหว่านตั้งแต่ต้นทำไมคะ ? หรือว่าแค่บริหารเสน่ห์ ?

อันดับ 11. ผู้ชายปากเสีย อย่างนี้น่าจะเอาปากไปเข้าอู่ซ่อม หรือ ฝากหมอฟันรักษาสัก 5 เดือน ผู้ชายอย่างนี้จะชอบแกว่งปากหาเสี้ยน ชอบทำลายบรรยากาศ กัดแขวะพวกเราและคนรอบตัวได้ซะทุกเรื่อง ถ้าพวกเราทำใจรับข้อเสียข้อนี้ของคุณได้ ก็โอเคในระดับนึง แต่อย่าลืมว่าพวกเราก็ยังมีญาติพี่น้องของเราอีก ถ้าคุณมีโอกาสไปพบพวกเค้า ก็อย่าเผลอเอาสุนัขออกมาให้อาหารข้างนอกก็แล้วกัน

อันดับ 12. ผู้ชายเรื่องมาก พวกเราก็ไม่รู้ว่าทำไม คุณถึงได้ขี้หงุดหงิด ไม่พอใจอะไรไปซะทุกเรื่อง กะแค่เรื่องไปขึ้นรถอะไรไปดูหนังดี ยังเป็นเรื่องที่เราต้องทะเลาะกันทุกครั้ง พวกเราแค่อยากขึ้นรถตุ๊กตุ๊กบ้างบางที คุณก็ทิ้งเราให้ขึ้นไปนั่งคนเดียว แล้วคุณก็เดินจากไปนั่งแท็กซี่ซะงั้น ไม่มีคำพูดคำจาใดใด ทิ้งให้เราเก้อซะงั้น ... ไปทานข้าวด้วยกัน แค่เรื่องร้านอาหารก็เป็นปัญหา เพราะคุณไม่ชอบทานร้านนี้ แค่เลือกร้านก็ล่อไป 3 ชั่วโมง พอไปถึงก็ "นี่ก็ไม่อร่อย บริการก็ช้า ร้านไม่สะอาด ......." จะบ่นทำไมคะ กะเรื่องบางเรื่องขนาดเราเป็นผู้หญิง เรายังไม่เรื่องมากเท่าคุณเลยนะเนี่ย !

อันดับ 13 . ผู้ชายคอสเมติก ก็เข้าใจว่าผู้ชายรุ่นใหม่จะเจ้าสำอาง ชอบคอยบำรุงผิวพรรณ หน้าตา เนื้อตัวให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา จะเรียกว่า Metro Sexual ก็คงไม่ผิด คุณจะหน้าเด้ง แต่งตัวเนี๊ยบเป็นคุณชายออกจากบ้านเราก้อไม่ว่าค่ะ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงไปคลุกฝุ่น คุณก็ช่วยอย่าสะดีดสะดิ้ง ทำเป็นกลัวสกปรก กลัวเปื้อน กลัวเหงื่อออกได้ไหมคะ ช่วยเอาเท้าของคุณลงมาแตะพื้นทีเถอะ บางทีเราก็รู้สึกว่าเราออกจะบึกบึน มาดแมนมากกว่าคุณซะอีก !!!

อันดับสุดท้าย ผู้ชายป๊ะป๋า พวกเราก็มีมือ มีเท้าค่ะ สามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยตัวเอง เวลาที่คุณบุญทุ่มมากๆ เราก็แอบหวั่นอยู่ลึกๆ ว่าคุณหวังอะไรจากเรารึเปล่า ? ทั้งน้ำหอม รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา ของแบรนด์ต่างๆ ยังไม่รวมโทรศัพท์รุ่นล่าสุด ถ้าคุณต้องการความจริงใจจากเรา ช่วยเข้ามามือเปล่าและช่วยมาอย่างขาวสะอาดได้ไหมคะ ?
และนี่คือ 14 อันดับของผู้ชายที่พวกเราร้องยี๊....!!! แต่อย่าเพิ่งแปลกใจว่าทำไม ผู้ชายเพลย์บอยถึงไม่ติดอันดับ ? เพราะน่าแปลกที่ว่าผู้หญิงอย่างเราก็ยังชอบผู้ชายเจ้าชู้อยู่วันยังค่ำ ด้วยหวังว่าสักวัน คุณจะกลับตัวกลับใจเลิกเป็นเพลย์บอยเพื่อเราสักที ! หรือว่ามีสาวหรือหนุ่มคนไหน ไม่เห็นด้วยกับเราก็ช่วยบอกทีเถอะค่ะ

แล้วหนุ่มๆ ข้างกายของคุณติดอันดับกันบ้างรึเปล่าค๊า......