วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แฟชั่น ส้นสูง มาแรง สาวโร่ศัลยกรรม เฉือนเท้า

ดารา นักร้อง คนดัง ระดับซูเปอร์สตาร์ เวลาแต่งกายอะไร คนมักเลียนแบบกันเป็นแถว อย่าง วิกตอเรีย เบคแฮม กวินเน็ธ พัลโทรว์ และ 4 สาวแห่ง "เซ็กซ์ แอนด์ เดอะ ซิตี้" ไอดอลของชาวตะวันตก

ล่าสุด แฟชั่น "เปรี้ยวปริ๊ด" และน่าตื่นตะลึง ที่เหล่าเซเลบนี้ใส่ เห็นจะเป็นรองเท้าส้นสูง ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งบางแบบสูงแถมไม่มีส้น อย่างที่เรียกว่า "อินวิซิเบิ้ล ฮีล"
แล้วจะยืน จะเดินยังไงเนี่ย?

เฟททิชชูส์ ของลูบูแต็ง

แฟชั่นรองเท้าส้นสูงปรี๊ด ทำให้หญิงสาวที่ไล่ตามแฟชั่นจำนวนมากน้ำลายหก แต่พอใส่แล้ว ความเมื่อย ความทรมาน ถาโถมเข้ามา การใส่ส้นสูงมานานนับปี ทำให้เกิดอาการ "สติลเล็ตโต้ทาร์ซัล (Stilettotarsal)" หรือความเจ็บปวดบริเวณเท้าส่วนที่เรียกว่า "เมตาทาร์ซัล"

แม้ความเจ็บ ปวด เมื่อย ขบ จะเป็นอุปสรรค แต่สาวๆ ผู้พิศมัยรองเท้าส้นสูง แทนที่จะไปใช้รองเท้าที่ส้นเตี้ยกว่าเดิม กลับหาวิธีที่จะไม่ให้เท้าปวดอีกต่อไป ด้วยการไปให้แพทย์ฉีด "โบท็อกซ์" ที่เท้า

แมรี่ เจนกิ้นส์ เจ้าหน้าที่คลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า "มีสาวๆ เข้ามาขอให้ฉีดโบท็อกซ์ที่เท้า เป็นจำนวนมากพอๆ กับผู้ที่มาขอให้เสริมทรวงอก นับว่า การฉีดโบท็อกซ์ที่เท้าเป็นเรื่องที่ปกติไปแล้ว"

ด้าน "ฮาร์เลย์เมดิคัลกรุ๊ป" คลินิกศัลยกรรมที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เปิดเผยว่า มีสตรีขอให้มาดูดไขมันออกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 9% แต่ 9% นี้ รวมถึงผู้ที่มาให้ขอดูดไขมันบริเวณตาตุ่มและช่วงล่างเท้าออกด้วย
"สติลเล็ตโต้ทาร์ซัล" เกิดจากการสวมรองเท้าส้นสูงมานานหลายปี การฉีดโบท็อกซ์เข้าไป ก็เพื่อปกป้องเส้นประสาทและเนื้อเยื่ออ่อน ทั้งยังทำให้ผู้หญิงเดินบนรองเท้าส้นสูงได้ง่ายขึ้น

คริสติอ็อง ลูบูแต็ง ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งประกาศว่า ปีหน้าจะวางตลาดรองเท้าส้นสูงขนาด 8 นิ้ว สูงกว่ารองเท้าส้นสูงของดีไซเนอร์คนอื่นๆ เกือบ 1 นิ้ว กล่าวว่า "ไม่มีใครบังคับให้พวกสาวๆ ใส่รองเท้าส้นสูง ทั้งๆ ที่เจ็บปวด แต่พวกนี้พอใจสวมเพราะมันสวยงาม"

ยิ่งไปกว่าการฉีดโบท็อกซ์ สาวจำนวนหนึ่งถึงกับยอมเฉือนเท้าตัวเองเพราะส้นสูง
าพบน รองเท้าไร้ส้น ภาพล่างกลาง คาดิชชา ผู้ยอมเฉือนเท้า
"คาดิชชา เชลตัน" สาวนักบัญชีชาวลอนดอน คลั่งใคล้รองเท้ามาตั้งแต่เด็ก เธอจะซื้อนิตยสารแฟชั่นล่าสุดและหาว่า รองเท้าแบบไหนกำลังเป็นที่นิยม
คาดิชชา กล่าวว่า "ฉันไม่ชอบนิ้วเท้าฉันเลย มันใหญ่และยื่นออกมา โดยเฉพาะนิ้วชี้ของเท้าทั้งสองข้าง ใหญ่เกือบเท่านิ้วโป้ง เวลาใส่รองเท้าแตะ ดูแล้วน่าเกลียดมาก ฉันเลยไปปรึกษากับหมอเพราะอยากให้นิ้วเท้าสั้นลง หมอบอกว่า การทำศัลยกรรมนิ้วเท้านั้นทำได้ ด้วยการเฉือนกระดูกนิ้วเท้าออกเล็กน้อย การผ่าตัดน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายราว 200,000 บาท แต่ต้องพักฟื้นอยู่ที่บ้านนานหลายเดือนกว่าจะเดินได้"

แม้จะต้องเข้ารับการผ่าตัด และเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนมาก แต่สาวผู้นี้มองว่า "คุ้มค่า"

คาดิชชา ยอมรับว่า "การที่สวมรองเท้าส้นสูงมานานหลายปี ทำให้เท้าของฉันเป็นไตแข็งๆ นิ้วเท้าบางนิ้วไม่ตรงเหมือนเดิม"

เอมี่ เฮมมิงเวย์ เป็นอีกคนหนึ่งที่สวมรองเท้าส้นสูงมานาน เธอสวมรองเท้าส้นสูงวันละ 18 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วันต่ออาทิตย์ และเป็นเวลานาน 10 ปีมา

แล้วเอมี่ กล่าวว่า "ฉันรู้สึกทรมานมากเมื่อสวมส้นสูง ที่เท้ามีตาปลาหลายอันและใหญ่มากด้วย เมื่อตอนเป็นวัยรุ่นฉันคิดว่า การแต่งตัวตามแฟชั่นเป็นสิ่งสำคัญ จึงเสียเงินทองจำนวนมาก เพื่อซื้อรองเท้าส้นสูงแบบใหม่ล่าสุด ฉันมีรองเท้าส้นสูงนับร้อยคู่ ทั้งส้นแหลมไปจนส้นตึก"

วิกเตอเรียใส่บู๊ทไม่มีส้น สร้างเสียงฮือฮาให้กับวงการแฟชั่น
การสวมรองเท้าส้นสูงนานๆ ทำให้เสียสุขภาพ เอมี่ก็เช่นกัน "เหมือนกับผู้หญิงหลายๆ คนที่สวมส้นสูง ฉันมีตาปลาที่เท้าทั้ง 2 ข้าง เข่าและสะโพกฉันเริ่มปวด จนกระทั่งต้องไปหาหมอ เขาบอกว่า ตาปลาที่เท้าฉันดูแล้วน่าขนลุกที่สุดเท่าที่เคยเห็น และการที่ฉันเดินไม่เหมือนเดิม เป็นเพราะตาปลานี้ทำให้เพิ่มแรงกดบริเวณเข่า สะโพกและหลัง"

คอนสแตนซ์ บริสโค อาชีพผู้พิพากษา ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ยอมเจ็บปวดเพื่อให้ได้ใส่ส้นสูง พร้อมกับการเสียเงินกว่า 700,000 บาท เพื่อผ่าเท้าที่กว้างให้แคบลง จะได้ใส่รองเท้าที่เรียวยาวของยุโรป อย่าง ยี่ห้อมาโนโล บลาห์นิกได้

บริสโค กล่าวว่า "โทนี่เพื่อนผู้พิพากษาด้วยกัน บอกว่าฉันบ้าไปแล้ว ควรจะไปตรวจสมองเสีย เขายังไม่ยอมขับรถไปส่งที่สนามบินเพื่อให้ฉันไปผ่าตัดที่นิวยอร์ก ฉันเกลียดเท้าตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว มันกว้างเกินไป"

นายแพทย์ไมค์ คัมมินส์ ศัลยแพทย์ กล่าวว่า "มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่เดือดเนื้อร้อนใจกับรูปร่างเท้าของตัวเอง เพราะบางคนเท้าใหญ่ บางคนนิ้วเท้ายื่น จนไม่สามารถสวมรองเท้าส้นสูงให้ออกมาสวยงามได้ จึงอยากมาทำศัลยกรรมเท้า แต่อย่าลืมว่า การผ่าตัดทุกครั้งมีความเสี่ยง โดยเฉพาะเท้าเป็นอวัยวะที่สำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะทำหน้าที่รับน้ำหนัก การผ่าตัดเท้ายังต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายเดือนด้วย"

นายแพทย์คัมมินส์ กล่าวต่อไปอีกว่า "ถ้ามีผู้หญิงมาขอให้ผมผ่าตัดเท้าให้ เพียงเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว ผมจะปฏิเสธ หรือไม่ก็ขอให้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะจะเป็นการผ่าตัดที่เจ็บปวดมาก"

ที่มา : เดลี่เมล์

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

5 เมคอัพเทรนด์สุดฮอต ซีซั่นออทั่ม-วินเทอร์ 2008
สีสันของเมคอัพหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามเทรนด์แฟชั่นโลก ผสมผสานกับจินตนาการมิรู้จบ
และแรงบันดาลใจที่เก็บเกี่ยวจากสารพันสิ่งรอบตัว!! คราวนี้ เราจึงพาคุณผู้อ่านไปอัพเดท
5 เทรนด์แต่งหน้าสุดฮอตจาก 5 แบรนด์ดังระดับโลก เพื่อเตรียมต้อนรับซีซั่นใหม่
ออทั่ม-วินเทอร์ 2008 ล่วงหน้าก่อนใคร

“M.A.C.” สีสันอิสระไร้ขีดจำกัด
ก็เพราะใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวเปรียบเสมือนผืนผ้าแคนวาส M.A.C. จึงเตรียมสีสันมาให้เลือกแต่งแต้มได้อิสระตามจินตนาการ ซีซั่นนี้มาพร้อม 5 ลุคเด่น ได้แก่ ARTSY ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะหลากหลายแขนง ตั้งแต่โมเนท์ จนถึงยุคโมเดิร์นนิส, โกแกง และกราฟฟิตี้...แรงไม่แพ้กันทั้งสีสันและคอนเซปต์ ต้องยกให้ลุคสุดแกลม GLAMODRAMA นำเสนอจินตนาการไร้ขีดจำกัด ทำให้คุณได้สวยแบบเหนือจริง ด้วยแรงบันดาลใจจากดนตรีแนวร็อก, พังก์, ดิสโก้, บทกวี และการ์ตูนดังแห่งยุค... อิทธิพลจากยุค 70s ก็มีให้เห็นในคีย์ลุคสำคัญของ M.A.C. เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลุค SEVENTEASE เชิดชูภาพสาวร็อกสุดเท่แห่งยุคเซเว่นตี้ส์ ในโทนสีขรึม และลุคอินโนเซนต์ HONED ชวนให้หวนคำนึงถึงความสดใสของวัยสาว ดูบางเบาเป็นธรรมชาติมากที่สุด เน้นการเล่นแสงเงาตามโครงหน้า ได้อินสไปเรชั่นจากสาวปารีเซียงคนดังแห่งยุค 70s...อีกหนึ่งลุคฮอตยังรวมถึง DEVINE มีไฮไลต์เด่นเป็นริมฝีปากสีแดงเบอร์รี่ ที่กำลังร้อนแรงไปทั่วทุกแคตวอล์ก

“SHISEIDO” งามสง่าดุจภาพฝัน

ซีซั่นล่าสุดของ “ชิเซโด้” แบรนด์ดังจากญี่ปุ่น มาพร้อมกับเทรนด์ใหม่ “เดอะ เมคอัพ ออทั่มวินเทอร์ 2008” ฝีมือการสร้างสรรค์ของศิลปินดัง “ดิ๊ค เพจ” นำแรงบันดาลใจจากเทคนิคการวาดภาพแบบเคียรอสคูโร เป็นการจัดแสงเงาให้วัตถุ และมีช่องว่างเพื่อสร้างมิติให้งานศิลป์ มาถ่ายทอดเป็นเมกอัพเทรนด์ล่าสุด โดยเล่นกับความสัมพันธ์ระหว่างแสงกับเฉดเงา อาศัยความลึกกับความสว่าง และไฮไลต์กับเฉด สร้างเสน่ห์ใหม่ให้สาวชิเซโด้ดูสง่างามและหรูหราขึ้นกว่าที่เคย
"DIOR" สาวเจ้าสำอางยุคใหม่


ผลงานสร้างชื่อของ “คริสเตียน ดิออร์” ผู้ก่อตั้งห้องเสื้อสุดหรูแห่งปารีเซียง คือการนำดีเทลสำคัญของเสื้อผ้าบุรุษ มาตัดเย็บเป็นอาภรณ์ สตรีได้อย่างงดงามน่าทึ่ง จนถือเป็นการปฏิวัติวงการแฟชั่นครั้งใหญ่ อิทธิพลของบรมครูแห่งดิออร์ ยังตกทอดมาถึงปัจจุบัน โดยซีซั่นล่าสุด ผู้หญิงของดิออร์ ได้แปลงร่างเป็น “สาวเจ้าสำอาง” หรือ “แดนดี้ เลดี้” เต็มตัว ตามแนวคิดสำอางนิยม “Dandyism” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของห้องเสื้อดิออร์ตลอดมา พวกเธอดูเจิดจรัสด้วยผิวพรรณอ่อนใส มีประกายผุดผ่อง ดวงตาถูกแต่งแต้มในแนวสโมคกี้สีน้ำตาลประกายเมทัลลิก รับกับริมฝีปากสุดเย้ายวนด้วยประกายสวยราวกับแพรซาติน เป็นตัวแทนของสาวผู้มุ่งมั่น และเป็นตัวของตัวเองสุดๆ ใจแกร่งเหมือนชาย แต่ซ่อนความเซ็กซี่ไว้ภายใน

“BOBBI BROWN” เสน่ห์จากปกหนังสือเก่า


ใครจะนึกล่ะคะว่า ปกหนังสือเก่าๆในห้องสมุด ก็กลายเป็นอินสไปเรชั่นในการสร้างสรรค์ เมกอัพเทรนด์ ซีซั่นล่าสุดได้!! แต่ขึ้นชื่อว่า “บ็อบบี้ บราวน์” ซะอย่าง ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงแน่นอน เพราะหยิบจับอะไรขึ้นมา ก็เนรมิตให้กลายเป็นของฮอตติดตลาดได้สบาย คอลเลกชั่นใหม่ได้แรงบันดาลใจจากปกหนังสือโบราณ ที่สวยงามคลาสสิก ถ่ายทอดออกมาเป็นโมดสีใหม่ ภายใต้รหัส “MAUVE” ให้สาวๆได้แต่งแต้มกันอย่างมีความสุข เป็นสีโทนเย็นให้ความรู้สึกนุ่มนวลละมุนตา ผสมผสานระหว่างประกายแห่งสีม่วง, เทา และน้ำตาล เฉดสีสวยที่ใครๆก็อยากครอบครอง


“SHU UEMURA” ปลุกเร้าสัญชาตญาณในตัวคุณ



อาร์ต ไดเรกเตอร์คนใหม่ประจำแบรนด์ “คะคุยะสุ อูชิอิเดะ” ตั้งชื่อคอลเลกชั่นล่าสุดว่า “instinct” เพื่อปลุกเร้าสัญชาตญาณความเย้ายวน ที่ซ่อนเร้นในตัวผู้หญิงให้ออกมาโลดแล่น โดยซีซั่นนี้ ให้ความสำคัญกับผิวเป็นหลัก มีแป้งฝุ่นสีกุหลาบเป็นเครื่องมือสำคัญ ช่วยเตรียมผิวหน้าให้สวยเนียนไร้ที่ติ ตามคอนเซปต์ ของชู อูเอมูระ ที่เชื่อว่า เคล็ดลับการแต่งหน้าให้สวยและเซ็กซี่ มีกุญแจสำคัญอยู่ที่ผิว เพราะผิวที่สวยโดนใจย่อมเปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอก จากนั้นค่อยเพิ่มสีสันชวนค้นหา ด้วยโทนสีสดเข้มและเนื้อสัมผัสหรูหรา เผยให้เห็นความเย้ายวนผ่านการสอดประสานของชั้นสี

ซีซั่นนี้ อินเทรนด์ ไม่ตกยุคแน่นอน!!

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์

ไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่เราใช้แล้วจะปลอดภัย 100% ถ้าผลิตภัณฑ์ไหนบอกมาว่าไม่แพ้แน่นอนแสดงว่าอันนั้นโกหกเพราะแต่ละคนจะมีการแพ้แตกต่างกันไป บทความนี้ก็จะพูดถึงการป้องกันเพื่อให้โอกาสในการแพ้เครื่องสำอางน้อยที่สุด

ทำอย่างไรถึงจะป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์ได้

- อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมที่อยู่บนผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่เราต้องใช้ หากพบว่ามีส่วนผสมตัวใดที่เคยทำให้แพ้ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้น คอยสังเกตส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ว่าตัวใดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมตัวนั้น

- เมื่อจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ให้ทำการแต้มผลิตภัณฑ์นั้นในบริเวณแคบ ๆ ก่อน หรือที่เรียกว่า mini-patch test เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ โดยการแต้มผลิตภัณฑ์นั้นบนข้อมือด้านใน หรือบริเวณข้อศอกทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง แล้วดูว่ามีอาการแพ้เกิดขึ้นหรือไม่

- เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรผสมง่าย ๆ ยิ่งมีส่วนผสมมากยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพ้ได้มากขึ้น ด้วยส่วนผสมน้อย ๆ ก็จะทำให้ง่ายในการหาสาเหตุของการแพ้ได้

- ฉีดน้ำหอมในบริเวณเสื้อผ้าจะดีกว่าการฉีดลงบนผิว แล้วรอให้น้ำหอมที่ฉีดบนเสื้อผ้าแห้งเสียก่อนจึงค่อยสวมใส่เสื้อผ้านั้น


- ควรระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเมคอัพ เนื่องจากจะต้องอยู่บนผิวหน้าเป็นเวลานานระหว่างวัน เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็น hypoallergenic, ปราศจากน้ำหอม, และ non-comedogenic อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากเช่นนี้ก็ยังอาจทำให้เกิดการแพ้ได้

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฉลากผลิตภัณฑ์

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักส่วนผสมแต่ละตัวในผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่ทราบอยู่แล้วว่าจะทำให้คุณเกิดอาการแพ้ เพื่อให้ง่ายขึ้น FDA ได้ระบุให้บริษัทเครื่องสำอางแจงรายการส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ไว้บนฉลาก ไล่ตามความมากน้อยของส่วนผสมแต่ละรายการ โปรดจำไว้ว่า ความลับทางการค้าและส่วนผสมของรสชาติและความหอม นั้นไม่จำเป็นจะต้องแจงรายละเอียด

และอีกประการหนึ่งของฉลากผลิตภัณฑ์ที่ว่า “ไม่มีกลิ่น” หรือ “ปราศจากน้ำหอม” ก็อาจผสมน้ำหอมปริมาณน้อย ๆ เพื่อกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ของส่วนผสมอื่น ๆ ที่เป็นเคมี “ธรรมชาติ” หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากต้นไม้หรือสัตว์ มากกว่าส่วนผสมที่ได้จากสารเคมี ฉลากผลิตภัณฑ์ที่แจงว่า “non-comedogenic” จะต้องไม่มีส่วนผสมที่ทำให้อุดตันรูขุมขนอันอาจทำให้เกิดสิว

ฉลากเครื่องสำอางนั้นเป็นประโยชน์มากเมื่อเราต้องการทราบส่วนผสมต่าง ๆ แต่ควรระวังเรื่องของเจตนาในการอ้างถึงสรรพคุณผลิตภัณฑ์ เช่น มีผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวที่แจงว่าเป็น Hypoallergenic เพื่อจะบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้าย ๆ กัน ซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ แต่บริษัทผู้ผลิตนั้นไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ข้อกล่าวอ้างนั้น อีกประการหนึ่ง ฉลากผลิตภัณฑ์ที่แจงว่า “organic” นั้นไม่ได้แปลว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ จำไว้ว่า ไม่มีเครื่องสำอางใดที่สามารถรับประกันได้ว่าไม่ทำให้เกิดอาการแพ้

คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย

- รักษาความสะอาดให้ดีอยู่เสมอ ทำความสะอาดมือและผิวหน้าก่อนการใช้เมคอัพทุกครั้ง

- ไม่ควรใช้เมคอัพร่วมกับผู้อื่น

- หากต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ในร้าน พยายามขออุปกรณ์ช่วยทาอันใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้ และบอกพนักงานขายให้เช็ดทำความสะอาดผลิตภัณฑ์สำหรับทดลองด้วยแอลกอฮอล์

- ปิดขวดหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องสำอางให้แน่นสนิท ไม่ให้สัมผัสกับฝุ่นและสิ่งสกปรก หลังจากเปิดใช้แล้ว

- เก็บเครื่องสำอางให้พ้นจากความร้อนและแสงแดด

- ไม่ควรใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา หากมีการติดเชื้อที่ดวงตา แต่หากมีการใช้ในช่วงที่ติดเชื้อให้หยุดใช้แล้วทิ้งเครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตานั้น ๆ ทิ้งไป แล้วใช้ของใหม่เมื่อการติดเชื้อที่ดวงตาหายดีแล้ว

- ทิ้งผลิตภัณฑ์ที่มีการเปลี่ยนของสีหรือกลิ่น เพราะนั่นอาจหมายถึงสารกันเสียที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไม่อาจป้องกันเชื้อแบคทีเรียได้อีกต่อไป หรือสารกันเสียหมดอายุแล้วนั่นเอง

- หากผลิตภัณฑ์มีความเปลี่ยนแปลงของเนื้อผลิตภัณฑ์ ให้ทิ้งไปเลย

- ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าและอุปกรณ์ในการแต่งหน้าอยู่เสมอทุกสัปดาห์

ขอบคุณเนื้อหาดีๆ จาก
http://www.acnethai.com/

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ผู้ชาย 14 ประเภทที่ผู้หญิงร้องยี๊........ !!!

จากการประมวลความคิดและประสบการณ์ของความเป็นผู้หญิง งานนี้คุณผู้ชายต้องพิจารณาตัวเอง ว่าคุณเข้าข่ายประเภทไหนนะคะ ?

อันดับ 1. ผู้ชายขี้ซ้อม ผลโหวตออกมาชนะขาดลอย ! เป็นอันดับที่ผู้หญิงเราร้องยี๊มาอันดับหนึ่งว่า ยังไง๊....ยังไงก็รักไม่ลง ผู้ชายอย่างนี้ อยากหนีห่างไปให้ไกลสักร้อยไมล์ เอะอะก็ใช้กำลังตัดสิน ฉุดกระชากลากถูเราอย่างแรงกลางห้าง หน้าป้ายรถเมล์ หรือที่ไหนก็ตามแต่ ขนาดที่สาธารณะยังกล้าทำอย่างนี้ แล้วในที่รโหฐานจะทำขนาดไหน แค่เรามีปากเสียงนิดหน่อย ก็ตวาดเรา (ถึงแม้บางที เราจะขี้โวยวาย ไร้เหตุผลไปบ้างก็เหอะ แต่นี่ก็เป็นธรรมชาติของผู้หญิงเรานี่นา)

ไม่ใช่ว่าคุณจะใช้กำลังกับเราได้นะคะ อย่าลืมว่าพวกเราก็บอบบาง (ถึงแม้จะแสนห้าว) แต่เราก็สู้แรงของพวกคุณไม่ได้หรอก หลายคู่ที่รักกันเป็นแฟนกันแล้วก็มี แต่การที่คุณผู้ชายชอบซ้อมเรา อาจทำให้เราต้องตาสว่างขึ้นสักวัน พานเอาหมดรักกันได้ง่ายๆ อย่าโกรธกันเลย ถ้าสักวันพวกเราต้องลุกขึ้นมาเอาคืนเหมือนหนังเรื่อง Enough ทีสาวเจนนิเฟอร์ โลเปซแสดงไว้เมื่อหลายปีก่อน ลองไปหาดูซะแล้วคุณอาจจะเข้าใจผู้หญิงอย่างเรามากขึ้

อันดับ 2 . ผู้ชายใจตู๊ดดดดด....(ดูดเสียงแบบขอเซ็นเซอร์ค่ะ) อันนี้ความตู๊ดดดดด.....มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับอนุบาล ไปจนถึงปริญญาเอก (ขั้นนี้จะมีระดับความเป็นตู๊ดดดดดด.....สูง) เราไม่ได้หมายถึงเพศที่สามแต่อย่างใด แต่หมายถึงผู้ชายที่มีนิสัยของผู้หญิงอยู่ในตัวและในกระแสโลหิตสูง คือยังชอบผู้หญิงนะ ไม่ได้เบี่ยงเบนทางเพศ แต่พฤติกรรมและนิสัยไม่แมนเอาซะเรยย์

ถ้าเป็นระดับอนุบาลก็ยังพอทน เพราะจะแค่จุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น ช่างซัก ช่างถาม พูดมาก ขี้อิจฉา ไม่เจ้นท์ (Gentleman คือไม่เป็นสุภาพบุรุษ ประมาณ ขึ้นรถเมล์แล้วแกล้งหลับ แย่งผู้หญิง เด็ก และคนชรานั่ง แบบโฉบวิ่งไปนั่งตัดหน้าไปเลย) คิดเล็กคิดน้อย ขี้น้อยใจ (ทั้งที่ศีรษะก็ยังไม่ล้านสักกะหน่อย) อารมณ์อ่อนไหวง่าย แค่ดูซีรี่ย์เกาหลีน้ำตาก็ไหลพรากๆ ซะจนเราที่นั่งดูน้ำตาซึมอยู่ข้างๆ ชักเอะใจว่า แมนจริงป่าวเนี่ย ?

จนไปถึงระดับปริญญาเอกคือ ชอบเอารัดเอาเปรียบพวกเรา เอาผู้หญิงไปเม้าท์ลับหลัง ทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง (หรือจะเม้าท์พวกเราต่อหน้าก็ไม่ได้นะคะ เพราะมันไม่แมนค่ะคุณ) อันนี้เป็นสิ่งที่พวกเรารับไม่ได้มากๆ กับผู้ชายขี้นิน (ทา) ผิดบทบัญญัติของความเป็นบุรุษ (ที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงความสุภาพ) อย่างรุนแรง ชนิดที่เราอภัยให้ไม่ได้ ข้อหาร้ายแรงพอๆ กับทำร้ายร่างกาย นี่ยังไม่รวมถึงหัวข้อที่พวกคุณเอาพวกเรามาเม้าท์นะคะ อย่างเรื่องการแต่งตัว การวางตัว การทำงาน และความรัก บางคนก็เลือกที่จะประจานเราโดยแกล้งพูดถึงเราเสียงดังๆ กลางออฟฟิศ หรือที่สาธารณะให้เราเกิดความอับอาย ไม่ว่าจะเพื่อผลประโยชน์ทางหน้าที่การงาน หรือเพื่อแก้แค้นส่วนตัวก็ตามแต่ หรือบางคนเอาพวกเรามาเม้าท์ถึงเรื่องในมุ้ง หยาบคายที่สุดค่ะ เราอยากบอกว่านิสัยอย่างนี้ผู้ชายดีๆ เค้าไม่ทำกันหรอกค่ะ

อันดับ 3 . ผู้ชายโชว์พราว อารมณ์แบบว่า "ข้าเสน่ห์แรงนะ " ปลาบปลื้มตัวเองอย่างออกนอกหน้า เอ่ยปากชมตัวเองเปาะอย่างไม่อายปากต่อหน้าผู้หญิงว่า" ผมน่ะผ่านมาเยอะ มีแต่ผู้หญิงยอมสยบอยู่แทบเท้าผมมานักต่อนัก ขนาดสลัดไปแล้วก็ยังต้องกลับมาหาผมอีก" "ชีวิตผมไม่เคยว่างเลย ดูสิเนี่ยโทรมาอีกแระ" พูดอย่างนี้เหมือนคุณจะให้พวกเรายอมเป็นตัวเลือก เป็น Choice อีก Choice หนึ่งของคุณ ฝันไปเถอะค่ะ!!!! โลกทั้งโลกไม่ได้มีแค่คุณเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าแบบที่แมน 100 % จะเหลือน้อยก็ตามที ผู้หญิงเรา 100 ทั้ง 100 ก็เอือมระอากับผู้ชายอย่างนี้เต็มทน !!! ถ้าคุณอยากโชว์พราวจริงๆ เราพร้อมที่จะส่งคุณไปอยู่ดาวศุกร์ ไปโชว์พราวซะให้พอเลยค่ะ !!!

อันดับ 4. ผู้ชายแอ๊บแบ๊ว ไม่ใช่ผู้หญิงเราเท่านั้นที่มีจริตแบบ 100 เล่มเกวียน ผู้ชายแบบนี้ก็มีอยู่ในโลกค่ะ ชอบมาทำหน้าซื่อตาใส บ๊องแบ๊ว (ทางปัญญา) ว่า "อ้าว จริงหรอ ผมต้องซื้อดอกไม้ให้คุณหรอ ?" "อ้าว ผมต้องเลี้ยงข้าวคุณหรอ ?" "อ้าว ผมต้องขอโทษคุณ ต้องง้อคุณก่อนหรอ ?" คำพูดเหล่านี้ทำให้พวกเรารู้สึกว่าพวกคุณกำลังดัดจริตอยู่ค่ะ เห็นแล้วมันคันไม้ คันมือ อยากสะบัดปลายเล็บเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาของพวกคุณสักป๊าบ สองป๊าบ เผื่อความแบ๊วจะกระเด็นหลุดออกจากสมองของคุณซะบ้าง !!!

อันดับ 5. ผู้ชายพันธุ์ Me สะกดคำว่า "ให้" ไม่เป็น เหมือนพจนานุกรมของคุณไม่เคยมีคำๆ นี้มาก่อน ถ้าคุณ "ให้" นั่นก็คือคุณกำลังหว่านพืชเพื่อหวังผล มองว่าความรักเป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นเกมที่คุณต้องชนะ หรือตักตวงผลประโยชน์ไปให้คุ้มกับที่คุณจ่ายไป ผู้ชายประเภทนี้จะไม่รู้จักคำว่า "น้ำใจ" ประหนึ่งว่าโลกนี้มีแค่เค้าคนเดียว เป็นมนุษย์พันธุ์ Me คือมีแต่ตัวเอง ห่วงแต่ตัวเอง แค่เรื่องง่ายๆ อย่างการหยุดรถให้คนข้ามถนนแค่ไม่ถึง 1 นาที คุณยังไม่ยอมเล๊ย... นับประสาอะไรกับการเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น บางคู่พอเป็นแฟนกันแล้วก็แสดงความเห็นแก่ตัวแบบมนุษย์พันธุ์ Me ออกมา อย่างเช่น เก๋ พนักงานบริษัทเล่าว่า"เคยไปทานข้าวกับแฟนใน Food Court แล้วแฟนหนุ่มก็ซื้อน้ำมาเฉพาะแต่ของตัวเอง พอถามไปว่าไม่ได้ซื้อมาเพื่อหรอ ก็ดั๊นมาย้อนบอกเราหน้าตาเฉยว่าก็ไปซื้อกินเองสิ" บางคนก็เหมือนหลอกเราไว้เป็น Maid ประจำ บ้าน ใช้ให้เราทำความสะอาดบ้านให้ทุกวี่วัน เราก็หลงกลทำให้เพราะความรักกำลังบังตา รากราคะกำลังออกฤทธิ์ พอใช้เราเสร็จสมใจก็ "เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องมา เราไม่ว่าง" บ้างที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ก็หลอกให้เราทำรายงานให้ ขืนหลงกล แต่งงาน อยู่กินกับผู้ชายประเภทนี้ พวกเรามิต้องหาเลี้ยงคุณ กลายเป็น "ทาสีภริยา" ไปตลอดหรือ ? ( ตามหลักศาสนาพุทธ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของสามี - ภริยา 4 ประเภท "ทาสีภริยา" คือ ความสัมพันธ์ ที่ภรรยาเป็นเยี่ยงทาส ไม่มีปากเสียง ต้องคอยอยู่รับใช้สามี ถึงจะน้ำตาเช็ดหัวเข่าก็ต้องทน ประมาณว่าจะต้องกราบเท้าทุกคืนก่อนประมาณนั้น) นี่ถ้าเกิดว่า มีคนเอาปืนมายิงคุณ คุณคงกระชากเอาตัวเราเข้าเป็นโล่รับกระสุนแทนคุณเป็นแน่ ! อย่าลืมซิคะ ว่า "มนุษย์เป็นสัตว์สังคม" ถ้าคุณเป็นมนุษย์เราก็ขอแนะนำให้คุณแบ่งปันกันบ้างสักกะนิด ไม่ใช่แค่เฉพาะกับเรา แต่กับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน คุณก็คงไม่ตายวันนี้ พรุ่งนี้หรอกจริงม๊ะ ?

อันดับ 6. ผู้ชายหลงเงา ผู้ชายประเภทนี้จะขี้โอ่ ชอบอวดภูมิ บางทีไม่รู้อะไรหรอก แต่ชอบโชว์พาว (เวอร์ ) ฟอร์มจัด เก๊กเท่ แบบว่าผมเก่ง เก่งไปซะทุกเรื่อง ใครคุยอะไรก็คุยกับเค้าไปซะทุกเรื่อง แทบจะเป็นพหูสูตรอยู่แล้ว ผู้ชายพวกนี้จะหลงตัวเอง ไปจนถึงงมงายชื่นชมแต่เพศของตัวเอง บางคนอาการหนักจนถึงขั้นเป็นโรคจิตได้ ทางการแพทย์เค้าเรียกว่า โรค Narcissism ค่ะ เรารู้ว่าคุณคือเพศที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ แต่เราอยากแนะนำพวกคุณว่า โง่บ้างก็ได้ค่ะ เงียบบ้างก็ดี โลกนี้ไม่มีใครรู้อะไรไปหมดทุกอย่าง เวลาที่คุณพลั้งพลาดไปบ้างโดยไม่ตั้งใจ เราก็พร้อมให้อภัย คอยยืนเคียงข้าง และส่งสายตามองคุณอย่างเอ็นดูไม่ใช่เยาะเย้ย เวลาที่พวกคุณเขินอายน่ะ น่ารักดีออก !

อันดับ 7. ผู้ชายมิดชิด ปิดบังกันซะเรื่อย ชอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมใน ปั้นน้ำเป็นตัวกันเป็นตัวๆ เลยทีเดียว แบบจับให้มั่นคั้นให้ตายยังไงก็ยังไหลไปได้ซะดื้อๆ เมื่อกี๊เพิ่งรับสายจากแฟนเก่าอยู่แหม๊บๆ ยังมาบอกว่าไม่ใช่ พอเราบอกว่ารู้นะว่านี่เบอร์แฟนเก่าเธอ ก็ไหลไปว่าไม่มีอะไร ทั้งๆ ที่นัดกันไปดูหนัง กินข้าว ซื้อของกับเค้าเนี่ยนะ พอทางโน้น โทรมาให้ไปรับก็ไปทันที พอรู้ว่าเราจับได้ ก็ยังมาใช้ลมปากมายกยอว่า ไม่เคยทำให้ใครเท่าทำให้เรา ไม่เคยให้ใครยุ่งมือถือ เธอนี่แระคนแรก หรืออย่างบางคนก็ไม่นิยมเปิดเผยความสัมพันธ์ สั่งเสีย เราซะดิบดีว่า" อย่าบอกใครนะว่าเราคบกัน อย่าบอกใครนะว่าเราไปดูหนังด้วยกัน เจอกันในออฟฟิศก็ทำเป็นไม่รู้จักกันนะ กลัวเธอเสียชื่อน่ะ" เชอะ ! เราไม่หลงกลค่ะ ถ้าชีวประวัติคุณ มันไม่ใสสะอาดขนาดนี้พวกเราก็คงต้องขอบาย แล้วตะโกนใส่หน้าคุณดังๆ ว่า "ชั้นไม่ใช่ภรรยาเก็บของคุณนะ !"

อันดับ 8. ผู้ชายหนวดปลาหมึก ชอบแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าประชาชี คนรักกันไม่จำเป็นต้องแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้นมั้งคะ โอบไหล่ โอบเอว และโอบต่ำไปเรื่อยๆ มันเป็นภาษากายที่ใครๆ เค้าจะตีความหมายไปถึงไหนต่อไหน นั่งอยู่ข้างๆ กันก็ยังเอามือมาจับ มาพาดที่ขาอ่อน อย่างนี้เค้าเรียกไม่ให้เกียรติกัน ถึงผู้หญิงเราจะนิ่งเฉย ไม่บ่นว่าอะไร แต่บางคนเค้าก็อึดอัดกับการกระทำของคุณ ไม่ใช่ว่าเค้าชอบหรอกนะคะ ผู้ชายบางคนก็ขี้หึงไม่เข้าเรื่อง ป่าวประกาศอย่างเต็มที่ว่า "ผู้หญิงคนนี้ของข้า" ห้ามนั่น ห้ามนี่เราไปหมด ห้ามคุยกับคนอื่น เห็นเราคุย MSN ก็ไม่พอใจ ห้ามไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนผู้หญิงก็ไม่ได้ อยู่ที่ไหนทำอะไรต้องรายงานตลอด อันนี้ผู้หญิงบางคนที่รักอิสระก็ไม่ชอบหรอก "แฟนนะคะ ไม่ใช่พ่อ" ขอพื้นที่ให้เราได้หายใจบ้าง รักกันมากไปมันจะกลายเป็นอึดอัดเอานะคะ

อันดับ 9. ผู้ชายเกลือสมุทร งกไปซะทุกเรื่อง เค็มซะแปซิฟิกเรียกพี่ แอนตาร์กติกเรียกพ่อ อย่างนี้เราก็ไม่ปลื้ม ! เวลาไปเที่ยวที่ไหนด้วยกันคงทะเลาะกันตาย ยิ่งถ้าไปช็อปปิ้ง เดินห้างด้วยกันแล้ว คงได้เดินทางใครทางมันก็คราวนี้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าผู้หญิงน่ะขี้ช็อป อะไรสวยๆ งามๆ หน่อยก็แตกแบงค์กระจาย เบรกๆห้ามๆ กันบ้างก็ไม่ว่า แต่ไม่ใช่จะเบรกเรื่องของเราไปซะทุกสิ่งอัน ทีจะเลี้ยงไอติมแท่งเราสักแท่งยังยากเลย เหรียญสลึงซักบาทยังไม่กระเด็น จะเก็บตังค์ไว้เผากงเต๊กตัวเองหรอค่ะ

อันดับ 10. ผู้ชายขี้อ่อย ชาติก่อนคงเกิดเป็นช่างทำสะพานหรือไม่ก็เป็นชาวนามาก่อน ทั้งอ่อย ทั้งทอดสะพาน ทั้งหว่านเค้าไปทั่ว ต้นกล้าขึ้นตรงไหนก็ไปเก็บตรงนั้น ไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะหว่านเมล็ดไป 10 มันก็ต้องโตสัก 7 ล่ะว้า เห็นใครน่ารักเป็นไม่ได้ จีบดะ หรือว่าเพราะเห็นพวกเราเป็นประชากรจำนวนมาก และพวกคุณคือประชากรจำนวนน้อย จึงทำให้คุณหยิ่งทะนงว่ายังไงเราก็ต้องตกหลุมคุณเป็นแน่ ถึงได้ทำตัวแบบว่า "รักนะแต่ผมไม่จริงจัง" ชอบหว่านเสน่ห์เค้าไปทั่ว พอผู้หญิงเราหลงกลเริ่มจะจริงจังด้วย ก็ชิ่งหนี "ผมไม่ผิดนี่ คุณมาหลงผมเอง" หรือ "ผมรักคุณแบบเพื่อน หรือ แบบน้องสาวเท่านั้น" แล้วคุณจะมาหว่านตั้งแต่ต้นทำไมคะ ? หรือว่าแค่บริหารเสน่ห์ ?

อันดับ 11. ผู้ชายปากเสีย อย่างนี้น่าจะเอาปากไปเข้าอู่ซ่อม หรือ ฝากหมอฟันรักษาสัก 5 เดือน ผู้ชายอย่างนี้จะชอบแกว่งปากหาเสี้ยน ชอบทำลายบรรยากาศ กัดแขวะพวกเราและคนรอบตัวได้ซะทุกเรื่อง ถ้าพวกเราทำใจรับข้อเสียข้อนี้ของคุณได้ ก็โอเคในระดับนึง แต่อย่าลืมว่าพวกเราก็ยังมีญาติพี่น้องของเราอีก ถ้าคุณมีโอกาสไปพบพวกเค้า ก็อย่าเผลอเอาสุนัขออกมาให้อาหารข้างนอกก็แล้วกัน

อันดับ 12. ผู้ชายเรื่องมาก พวกเราก็ไม่รู้ว่าทำไม คุณถึงได้ขี้หงุดหงิด ไม่พอใจอะไรไปซะทุกเรื่อง กะแค่เรื่องไปขึ้นรถอะไรไปดูหนังดี ยังเป็นเรื่องที่เราต้องทะเลาะกันทุกครั้ง พวกเราแค่อยากขึ้นรถตุ๊กตุ๊กบ้างบางที คุณก็ทิ้งเราให้ขึ้นไปนั่งคนเดียว แล้วคุณก็เดินจากไปนั่งแท็กซี่ซะงั้น ไม่มีคำพูดคำจาใดใด ทิ้งให้เราเก้อซะงั้น ... ไปทานข้าวด้วยกัน แค่เรื่องร้านอาหารก็เป็นปัญหา เพราะคุณไม่ชอบทานร้านนี้ แค่เลือกร้านก็ล่อไป 3 ชั่วโมง พอไปถึงก็ "นี่ก็ไม่อร่อย บริการก็ช้า ร้านไม่สะอาด ......." จะบ่นทำไมคะ กะเรื่องบางเรื่องขนาดเราเป็นผู้หญิง เรายังไม่เรื่องมากเท่าคุณเลยนะเนี่ย !

อันดับ 13 . ผู้ชายคอสเมติก ก็เข้าใจว่าผู้ชายรุ่นใหม่จะเจ้าสำอาง ชอบคอยบำรุงผิวพรรณ หน้าตา เนื้อตัวให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา จะเรียกว่า Metro Sexual ก็คงไม่ผิด คุณจะหน้าเด้ง แต่งตัวเนี๊ยบเป็นคุณชายออกจากบ้านเราก้อไม่ว่าค่ะ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงไปคลุกฝุ่น คุณก็ช่วยอย่าสะดีดสะดิ้ง ทำเป็นกลัวสกปรก กลัวเปื้อน กลัวเหงื่อออกได้ไหมคะ ช่วยเอาเท้าของคุณลงมาแตะพื้นทีเถอะ บางทีเราก็รู้สึกว่าเราออกจะบึกบึน มาดแมนมากกว่าคุณซะอีก !!!

อันดับสุดท้าย ผู้ชายป๊ะป๋า พวกเราก็มีมือ มีเท้าค่ะ สามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยตัวเอง เวลาที่คุณบุญทุ่มมากๆ เราก็แอบหวั่นอยู่ลึกๆ ว่าคุณหวังอะไรจากเรารึเปล่า ? ทั้งน้ำหอม รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา ของแบรนด์ต่างๆ ยังไม่รวมโทรศัพท์รุ่นล่าสุด ถ้าคุณต้องการความจริงใจจากเรา ช่วยเข้ามามือเปล่าและช่วยมาอย่างขาวสะอาดได้ไหมคะ ?
และนี่คือ 14 อันดับของผู้ชายที่พวกเราร้องยี๊....!!! แต่อย่าเพิ่งแปลกใจว่าทำไม ผู้ชายเพลย์บอยถึงไม่ติดอันดับ ? เพราะน่าแปลกที่ว่าผู้หญิงอย่างเราก็ยังชอบผู้ชายเจ้าชู้อยู่วันยังค่ำ ด้วยหวังว่าสักวัน คุณจะกลับตัวกลับใจเลิกเป็นเพลย์บอยเพื่อเราสักที ! หรือว่ามีสาวหรือหนุ่มคนไหน ไม่เห็นด้วยกับเราก็ช่วยบอกทีเถอะค่ะ

แล้วหนุ่มๆ ข้างกายของคุณติดอันดับกันบ้างรึเปล่าค๊า......

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

ถนอมตาสวย ด้วย วิถีธรรมชาติ

เมื่อพูดถึงการดูแลผิว ไม่ว่าผิวส่วนไหน ก็แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าจะต้องเกี่ยวพันกับสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ผิวรอบดวงตา ที่เมื่อใดที่เราเริ่มมีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเกิดอาการ ธาตุไฟไม่สมดุล ผิวบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบก่อนใครเพื่อนเลยทีเดียว



ปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอบดวงตาโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างไร เราก็ยังต้องพึ่งการดูแลด้วยธรรมชาติควบคู่ไปพร้อมๆกัน ซึ่งในเรื่องนี้ นายแพทย์แอนดรูว์ ไวล์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ออริจินส์ มาให้คำแนะนำถึงในการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตา โดยเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพโดยผสมผสานเอาวิธีธรรมชาติเข้าไปด้วย ผมคิดว่า แนวความคิดในเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการผสมสานวิธีธรรมชาติเข้าไปด้วยนั้น มีข้อเด่นคือ คุณเป็นผู้กุมบังเหียนสุขภาพของตัวเองไว้ในมือ คุณจะรู้อย่างแน่ชัดว่า สิ่งที่คุณกินหรือทำนั้น ก่อผลต่อสุขภาพอย่างไร



วิธีการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตาที่คุณหมอแนะนำ ก็มีอยู่หลายข้อทีเดียวค่ะ ซึ่งเราสามารถนำไปปฏิบัติกับตัวเองได้อย่างง่ายๆ

- ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกๆ 2 - 4 ปี แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปแล้ว ควรจะตรวจให้บ่อยขึ้นคือทุกๆ 1 - 2 ปี

- สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรเริ่มฝึกนิสัยในการพักสายตา โดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10 - 15 นาที

- ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถปกป้องและกรองแสงยูวีได้ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดจ้า

- ปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสกับควันและฝุ่นละอองต่างๆโดยตรง

อาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใส

- รับประทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) ในปริมาณสูง เช่น ผลบลูเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอท ซึ่งจะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้ อีกทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืด และมีความไวในที่แสงน้อยๆดีกว่า

- รับประทานผักที่มีสารลูทีน (Lutien) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง มีสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผลอะโวคาโด บร็อคโคลี่ ข้าวโพด ฟักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยกรอง หรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา ไม่ให้ถูกทำลาย โดยการต้านอนุมูลอิสระพร้อมทั้งกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา


วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

เคล็ดลับความงามในที่ทำงาน


ถึงแม้ในแต่ละวันจะยุ่งวุ่นวายมากแค่ไหน สาวทำงานทั้งหลายต้องไม่ลืมใส่ใจในเรื่องความสวยความงามและการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วย

เพราะในโลกของธุรกิจและการทำงาน ความประทับใจตั้งแต่แรกพบ (First Impression) เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การมีรูปร่างหน้าตาที่ชวนมอง ช่วยส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจและทำให้บุคลิกของคุณดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยนำไปสู่ความสำเร็จทั้งในด้านการงานและชีวิตส่วนตัว วันนี้เรามีเคล็ดลับความงามสำหรับสาวทำงานคนเก่งมาฝาก


*ผิวพรรณสำคัญอันดับหนึ่ง

ผิวพรรณโดยเฉพาะผิวหน้านั้นมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เพราะผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ว่าเจ้าของผิวนั้นมีสุขภาพดีหรือไม่ ตลอดจนมีความรักและเอาใจใส่ตัวเองดีเพียงใด ควรเริ่มจากการประเมินว่าผิวของตัวเองนั้นเป็นผิวประเภทใด และมีปัญหาผิวอะไรบ้าง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับผิวตนเอง รวมทั้งทำความสะอาดผิวหน้าวันละ 2 ครั้งอย่างสม่ำเสมอ

หากใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท make up remover เพื่อเช็ดทำความสะอาดก่อน นอกจากนี้ การบำรุงและป้องกันผิวจากแสงแดดก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากสาวทำงานทุกวันนี้ต้องอยู่นอกบ้านและเผชิญกับแสงแดดบ่อยมากยิ่งขึ้น จนก่อให้เกิดปัญหาผิวไวต่อแดด แม้จะเผชิญแดดเพียงไม่นาน ผิวก็คล้ำเสียได้ง่าย ควรลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับผิวไวต่อแดดโดยเฉพาะ


*แต่งหน้าเพื่อความงามที่เปล่งประกาย

การแต่งหน้าอย่างเหมาะสมนับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ให้เลือกเครื่องสำอางที่ช่วยดึงความงามตามธรรมชาติของคุณออกมา แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนคุณไปเป็นคนละคน เช่น เลือกสีของรองพื้นที่กลมกลืนไปกับสีผิว หากคุณมีผิวขาว ควรเลือกบลัชออนสีชมพูเบจ หรือสีน้ำตาลอมส้ม ในขณะที่ผิวสีแทนควรเลือกสีพีช หรือสีส้ม ที่จะช่วยขับใบหน้าให้ดูโดดเด่น ดูสุขภาพดี สำหรับสีสันเครื่องสำอางอื่นๆ ควรเลือกสีให้ไปในโทนเดียวกัน แต่โดยรวมควรจะดูนุ่มนวล ไม่จัดจ้าน


*แต่งกายดีมีชัยไปมากกว่าครึ่ง

การแต่งตัวดีนับเป็นกุญแจสำคัญอีกดอกหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ หากสำนักงานของคุณมีกฎเรื่องการแต่งกาย จงเคารพกฎนั้นเสมอ ควรเลี่ยงการแต่งกายที่ดูโป๊จนเกินงาม เช่น เสื้อซีทรู หรือกระโปรงสั้นรัดรูป ควรเลือกชุดทำงานที่เหมาะกับรูปร่าง เช่น สาวไทยร่างเล็ก ควรเลือกสูทแจ็กเกตที่ยาวระดับสะโพก ไม่ควรเลือกที่สั้นเหนือเอว เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายส่วนบนดูสั้นเข้าไปอีก สาวรูปร่างสูง ควรใช้เข็มขัดเส้นกว้าง หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปและกระโปรงที่สั้นหรือยาวมากเกินไป สำหรับสาวสะโพกใหญ่ ควรใส่เสื้อสีอ่อนเพื่อดึงสายตาขึ้นมาด้านบน หลีกเลี่ยงกระโปรงทรงสุ่มบาน แต่ควรเลือกใส่กระโปรงทำงานทรงตรง หรือเอไลน์แทน

ลองทำดูนะค่ะ จะได้เกิดความประทับใจกับผู้พบเห็น.....


วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

เลือกกินอย่างไรไม่ให้อ้วน



สาวๆ ที่มีรูปร่างเพรียวสมส่วนทั้งหลายคงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ที่จะควบคุมรูปร่างให้ฟิตอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่ประเดี๋ยวเพรียว ประเดี๋ยวฉุให้คนงงเล่นเหมือนใครบางคนเรามีวิธีควบคุมรูปร่างของคุณให้ดูระหง, สุขภาพดี แบบไม่เคร่งเครียดมากนักมาฝากค่ะ


1. รับประทานผักและผลไม้ให้มากเป็นประจำ นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ผักผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อความสวยของคุณ และช่วยลดระดับไขมันโคเรสเตอรอลอย่างได้ผล


2. รับประทานธัญพืชและถั่วต่างๆให้มาก เช่น ข้าวกล้อง, งา, ถั่วต่างๆ , ลูกเดือย ซึ่งจะมีเส้นใยอาหารให้คุณอื่มเร็วขึ้นแถมยังช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และรักษาระดับโคเลสเตอรอลอีกด้วย


3. รับประทานปลา หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมันเป็นประจำโดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นโปรตีนชั้นดี, และมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ,หรือปลาแซลมอน ปริมาณไขมันที่คุณ ควรรับประทานต่อวัน ไม่ควรเกิน 5-8 ช้อนชานะคะ และหากจะรับประทานสลัดก็ไม่ควรใส่น้ำสลัดมากกว่า 5 ช้อนชา


4. หลีกเลี่ยงอาหารหวานต่างๆ เช่น น้ำอัดลม, น้ำหวาน, ขนมหวาน หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีรสหวานมากๆ ด้วยค่ะเพราะของหวานให้แต่พลังงาน ซึ่งหากรับประทานมากก็จะเกินความต้องการไปพอกพูนตามร่างกายของคุณให้อวบอ้วนเปล่าๆ


5. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็มจัด โดยคุณควรรับประทานเกลือให้น้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 ช้อนชาต่อวัน


6. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยไม่ควรดื่มมากกว่า 1 แก้วต่อวันค่ะ เพราะนอกจากจะก่อโทษต่างๆ แล้วยังมีแคลอรี่สูงอีกด้วยค่ะ


หากคุณรับประทานอาหารตามแนวทางนี้ จะทำให้คุณรักษารูปร่างให้สมส่วนได้อย่างยาวนาน ไร้ไขมันพอกพูนและสุขภาพดี ไม่ผอม เหี่ยว ซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรง จนดูโทรมมากกว่าสวย........

+++++++++++++++++++++++

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551

ใส่ใจผิวพรรณ
การดูแลผิวหน้าในแต่ละวัย ย่อมแตกต่างกันตามสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ยังเป็นสาวหน้าใส ผิวพรรณเต่งตึง การทาแค่ครีมกันแดด และล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์สูตรอ่อนโยนก็อาจจะเพียงพอ แต่เมื่อวัยมากขึ้นรอยตีนกาเริ่มมาเยือน ผิวหน้าที่เคยเนียนใส กลับดูแห้งหรือหยาบมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวอาจจะดูยุ่งยาก และต้องใส่ใจกันมากขึ้น เพราะปัญหาของผิวจะเริ่มปรากฎมากขึ้นนั่นเอง

วัย15-20
การดูแล : วัยรุ่นกับสิวเป็นของคู่กันเสมอ สิวในช่วงนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ และมีตัวก่อกวนอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น การแคะ แกะ หรือบีบสิว รวมทั้งความเครียดและอดนอนจริง ๆ แล้วสิวที่เกิดขึ้นมักหายไปเองตามธรรมชาติถ้าเราไม่ไปกดสิว ปัญหารอยดำและการอักเสบก็จะไม่เกิดขึ้น แต่หากไม่หาย ก็ปรึกษาคุณหมอเถอะค่ะ การดูแลผิวในวัยสาวน้อย ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ วันละ 2 ครั้งก็พอ และหลีกเลี่ยงเคลนเซอร์หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์เพราะค่อนข้างแรงกับผิวอาจทำให้ผิวใส ๆ ดูกร้านก่อนวัยได้
วัย 20 ปีขึ้นไป
การดูแล : ปัญหาเรื่องสิว จะลดน้อยลง ยกเว้นในคนที่ผิวมัน ที่อาจมีเม็ดสิวเป้ง ๆ ให้รำคาญใจได้ หรือคนที่มีฮอร์โมนเพศสูงก็อาจมีสิวโผล่อยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ในช่วงสาววัย 16 ได้ดีบางครั้งอาจจะไม่เหมาะกับสาววัยนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากผิวหน้าที่เคยอ่อนใสอาจดูหมองคล้ำหรือแห้งกร้านได้ตามวัยที่มากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายและเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่งมากขึ้นและไม่ลืมทาครีมป้องกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพราะแสงแดดจะทำให้ริ้วรอยมาเยือนผิวได้เร็วขึ้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอนค่ะ

นอกจากนี้การใช้ AHA จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน และหากเลี่ยงแดดแรง ๆ ได้ก็ควรทำค่ะ หรือจะเลือกการขัดผิวด้วยครีมขัดผิวซึ่งผลิตมาเพื่อใช้กับผิวหน้าที่บอบบางก็สะดวกดีค่ะ วิธีขัดผิวที่ถูกต้อง ควรทำหลังจากทำความสะอาดหน้าแล้วแต้มเจลหรือครีมขัดผิวลงบนผิวหน้า 5 จุดคือ บริเวณหน้าผาก แก้มทั้งสองข้างจมูก และคาง เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ แล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วนางซึ่งมีแรงกดค่อนข้างเบานวดเป็นวงกลมไปในทิศเดียวกัน จะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอก ทำให้ผิวหน้านวลผ่องสดใสขึ้น ทำสัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ หลังจากขัดผิวแล้วอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกครั้ง ซึ่งการขัดผิวจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมสู่ผิวได้ล้ำลึกขึ้น

วัย 30 ปีขึ้นไป
การดูแล : ผิวหน้าของสาววัยนี้ จะมีปัญหาของริ้วรอยใต้ตา โดยเฉพาะเวลาที่คุณยิ้ม รอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก จะเริ่มปรากฎชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่ง สดใสก่อนหน้านี้ ก็จะเริ่มขาดความยืดหยุ่น ผิวหน้าจะดูหยาบกร้านขึ้น รูขุมขนโตขึ้น การดูแลผิวจึงต้องครบเครื่องมากขึ้น ทั้งการขัดผิวและมาสค์หน้า จะช่วยขจัดการหลุดลอกของผิวชั้นนอก และช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างจากรูขุมขนส่วนลึกได้ดี ทำให้หน้าสะอาดกระชับและสดใสขึ้น และสำหรับผิวหน้าที่เริ่มมีริ้วรอย ควรเลือกมาส์คที่มีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หลังการพอกหน้าและล้างสะอาดแล้ว จะทำให้หน้าผ่อง เนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนการเลือกครีมบำรุงผิวของสาววัยนี้ ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นพิเศษ เพราะผิวหน้าจะเริ่มแห้งมากขึ้น น้ำหล่อเลี้ยงผิวหน้าตามธรรมชาติผลิตน้อยลง และควรเลือกชนิดเนื้อเบาเพื่อไม่ให้ไปอุดตันรูขุมขน นอกจากนี้การใช้อายเจลหรืออายครีมก็จะช่วยทำให้ผิวรอบดวงตา ชุ่มชื้นและสดใสขึ้น ส่วนครีมกันแดด ก็จำเป็นต้องใช้เป็นประจำทุกวัน มาสก์พอกหน้าแบบประหยัดมาสค์พอกหน้าจากโยเกิร์ตล้างหน้าให้สะอาดซับเบาๆ ด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะโยเกิร์ต (ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่งสดใส

มาสค์พอกหน้าจากมะละกอนำมะละกอมาปั่นให้ละเอียด นำไปพอกให้ทั่วผิวหน้า ในมะละกอจะมีเอนไซม์ที่ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หมดได้ จึงทำให้ผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่ง มือเป็นบริเวณที่ฟ้องถึงวัยของคุณได้เช่นกัน เนื่องจากเราใช้มือในการหยิบจับสิ่งของอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการสัมผัสกับสารเคมีก็อาจทำให้ผิวบริเวณนี้หยาบกร้าน เกิดริ้วรอย ดูไม่น่ามองได้

วัย 20 ขึ้นไป
การดูแล : ในตอนกลางวัน ควรทาครีมกันแดด เนื่องจากเป็นส่วนที่อาจถูกแสงแดดได้ ส่วนในตอนกลางคืน ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับมือ นอกจากนี้ทุกสัปดาห์ ควรขัดผิวบริเวณมือด้วยครีมสครับสูตรอ่อนโยน เลือกใช้สครับที่ทำมาเพื่อผิวหน้าก็ได้ค่ะ การขัดผิวจะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ให้หลุดลอกออก และเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทน และยังช่วยให้การทาครีมบำรุงผิว ซึมซาบสู่ผิวได้ดีขึ้น

วัย 30 ปีขึ้นไป

การดูแล : เมื่ออายุมากขึ้น ผิวบริเวณนี้จะแห้งและหยาบกร้านมากขึ้น เพื่อชะลอความเหี่ยวย่น การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึ่งมีสารกันแดดด้วย เป็นสิ่งจำเป็นมาก นอกจากนี้ วัยที่มากขึ้น ทำให้การผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวโดยธรรมชาติทำได้ช้าลง การขัดผิวสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จึงเป็นสิ่งที่ควรทำค่ะ เพราะจะช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสและช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมลึกสู่ผิวได้มากขึ้น และหลังจากขัดผิวแล้ว อย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้วยทุกครั้ง Jeanette Graf ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณจากนิวยอร์ค แนะว่าการทาครีมบำรุงมือให้ได้ผลดีและไม่สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์นั้น ควรทาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเข้านอน และครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอลเอจะช่วยลดเลือนริ้วรอยของผิวได้

หันมาใส่ใจกับการดูแลผิวสักนิดนะค่ะ


วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

ครีมถนอมผมจากพืชผัก


นอกจากจะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูดีขึ้นแล้ว เส้นผมนิ่มสลวย ยังบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดีอีกด้วย แต่ถ้าคุณกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมเสีย เรามีวิธีแก้ด้วยพืชผักมาบอกกันค่ะ


น้ำมันมะกรูด
น้ำมะกรูด 1-2 ช้อนชา ชะโลมนวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด แค่นี้ผมของคุณก็จะดูสวยมีชีวิตชีวากับเขาบ้างแล้วล่ะค่ะ



ชะอม

ถ้าผมของคุณขาดชีวิตชีวา เจอลมแรงยังแทบไม่กระดิก แล้วล่ะก็ แนะนำว่าให้ใช้สูตรชะอม โดยใช้ใบชะอมประมาณ 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำสะอาด 3 ถ้วยจนเดือด กรองเอาแต่น้ำเขียวๆ นำไปวางไว้ให้เย็น หลังจากสระผมสะอาดแล้ว นำผ้าขนหนูชุบน้ำชะอมพอหมาดๆ เช็ดถูให้ทั่วศีรษะ จะช่วยคืนสภาพเส้นผมให้ดีขึ้นได้ และยังช่วยไม่ให้ผมแตกปลายอีกด้วย แต่ก็คงต้องทนกลิ่นเหม็นเขียวของชะอมสักหน่อยนะคะ

ตะไคร้

ตะไคร้ที่เราใส่ในต้มยำ นี่แหละค่ะ ใช้แก้ปัญหาผมแตกปลายได้ผลดีทีเดียว ให้ใช้ตะไคร้ 2-3 ต้น นำมาโขลกให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ หลังจากสระผมสะอาดดีแล้วนำน้ำตะไคร้มาชะโลมและนวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออก ทำกันเป็นประจำสัก 2 เดือน รับรองได้ว่า ปัญหาผมแตกปลาย จะไม่ใช่เรื่องกวนใจคุณอีกต่อไปค่ะ

กล้วย

นำกล้วยน้ำว้าสุกมาบด หยดน้ำมันอัลมอนด์ลงไปเล็กน้อย ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมานวดลงบนเส้นผมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ ,15 นาที เพื่อให้ส่วนผสม ค่อยๆซึมเข้าไป แล้วจึงล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผมแห้งกรอบ ขาดชีวิตชีวา ก็จะฟื้นคืนชีพได้

น้ำมันมะกอก

ใช้น้ำมันมะกอกผสมกับน้ำมันหอมโรสแมรี่ นำมานวดให้ทั่ว หมักผมค้างไว้ 1 คืนแล้วค่อยสระผมในตอนเช้า จะช่วยขจัดรังแคได้ค่ะวีทเจิร์มสูตรคอนดิชั้นเนอรฺชนิดเข้มข้น นำวีทเจอร์ม มาผสมกับน้ำมันมะกอก แล้วนวดให้ทั่วศีรษะ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น บิดให้แห้ง นำมาคลุมผมไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงล้างออก


นำสูตรไปใช้กันดูนะคะ เลือกใช้พืชผักที่หาได้สะดวก นอกจากผมจะสวย ดูมีชิตชีวากันแล้ว ยังประหยัดสตางค์อีกด้วยค่ะ

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551



TO



ขอสุขสันต์ วันเกิด ประเสริฐสุด
เปรียบประดุจ น้ำค้าง กลางเวหา
บริสุทธิ์ สวยใส นัยนา
ทั้งชีวา มีสุข สิ้นทุกข์ทน
ขออายุ คงมั่น ขวัญสถิตย์
เพราะด้วยฤทธิ์ เทวา มาทุกหน
ประทานพร ให้ด้วย ทั้งช่วยดล
สรรพ์มงคล ดีเลิศ บังเกิดพลัน
ขอคุณงาม ความดี อย่าหนีจาก
สิ่งที่พราก จากไป เหมือนได้ฝัน
จงกลับคืน ฟื้นอยู่ มาคู่กัน
เหมือนดั่งจันทร์ นั้นหนา กับราตรี
ขอพระธรรม ค้ำจุน อย่าขุ่นข้อง
นั้นควรต้อง น้อมไว้ ใส่เกศี
อันความรู้ คู่ไป ในความดี
ก็จะมี แต่สุข ทุกวันวาร

สุขสันต์วันเกิดค่ะอาจารย์
ด้วยความเคารพรัก
จากลูกศิษย์ทุกบล๊อกค๊า...คับ

ขอเชิญร่วมอวยพรอาจารย์ค่ะ...ครับ