ความรู้ทางการแพทย์ด้านศัยลกรรมเสริมสวย โดย พตอ. นพ อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยแห่งประเทศไทย
ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) หมายถึง การที่แพทย์กระทำหัตถการ(ผ่าตัด)ศัลยกรรมต่อบุรุษหรือสตรีที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ ให้ใบหน้า ผิวพรรณตลอดจนสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีความสวยงามมากขึ้นกว่าเดิมและเป็นที่พึงพอใจต่อบุรุษหรือสตรีผู้นั้น
ทำไมบุรุษและสตรีจึงมีความต้องการที่จะทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย ?
1. บุรุษและสตรีที่เกิดมาจะมีใบหน้า ผิวพรรณ ตลอดจนสัดส่วนของร่างกายที่สวยสดงดงามจริง ๆ มีเพียงประมาณ 10-20 % เท่านั้น
2. แม้ว่าบุรุษและสตรีที่มีใบหน้า ผิวพรรณ ตลอดจนสัดส่วนของร่างกายสวยสดงดงามในขณะที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาวแต่เมื่อย่างเข้าสู่อายุ 40 ปีขึ้นไปก็จะพบว่าความสวยสดงดงามจะลดลงเรื่อย ๆ และจะมีภาพของความเหี่ยวย่นของผิวหนังมาแทนที่สภาพความเต่งตึงของผิวหนัง ซึ่งเป็นภาพที่บุรุษและสตรีไม่พึงประสงค์ จะมีผลทำให้ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง
3. เป็นที่ยอมรับกันว่าบุรุษและสตรีที่มีภูมิความรู้และสติปัญญาที่ใกล้เคียงกัน บุรุษและสตรีที่มีใบหน้า ผิวพรรณ และสัดส่วนของร่างกายที่สวยสดงดงามกว่า จะมีโอกาสหรือได้เปรียบในด้านการเป็นผู้นำของชมรมต่าง ๆ ขณะอยู่ในวัยเรียนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก การได้รับการตอบรับในการสมัครงานในสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเอกชนในแผนกต้อนรับและประชาสัมพันธ์ การได้เป็นพิธีกร นักร้อง นักแสดง ดาราทั้งทางจอแก้วและจอเงินและการได้เลือกคู่ครองดั่งใจนึก มากกว่าบุรุษและสตรีที่ด้อยกว่าในเรื่องของความสวยงามของใบหน้า ผิวพรรณ และสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
4. บุรุษและสตรีที่เกิดมาแล้วไม่สวยไม่หล่อ หุ่นไม่สมารท์ หุ่นไม่อวบอิ่มจะรู้สีกว่ามีปมด้อยและเป็นทุกข์ใจเพราะขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง ถ้ามีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนตนเองให้สวยสดงดงามขึ้นกว่าเดิมได้ ก็คงจะดำเนินการทันที เพราะต้องการให้สังคมยอมรับตนเองมากขึ้น
5. ตามหลักของโหงวเฮ้งของใบหน้าที่คนจีนและคนไทยโบราณเชื่อถือว่าลักษณะของใบหน้าคนบ่งบอกในการจะมีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตลอดจนการจะมีคู่ครองที่ดีขึ้นอยู่กับลักษณะของตา,คิ้ว,จมูก , แก้ม, คาง และหน้าผากที่จะต้องมีความสมดุลกันและถูกต้องตามตำราโหงวเฮ้งโบราณที่ได้รับการยอมรับนับถือกันมายาวนานเป็นร้อยปี
6. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยบางประเภท เป็นการแก้ไขและรักษาโรคด้วย เช่น โรคขนตาแยงตา ทำให้มีอาการอักเสบของเยื่อบุตา มีอาการเคืองตาน้ำตาไหล โรคหนังเปลือกตาบนหย่อนมากแล้วปิดทับขอบตาบน ทำให้เกิดอาการลานสายตาแคบลง(VISUAL FIELD DEFCT) คือการมองภาพที่อยู่ข้างบนและด้านข้างแคบลง และมีอาการลืมตาลำบากขึ้น ควรจะต้องทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยของเปลือกตาบน (COSMETIC UPPER BLEPHARO PLASTY) โรคเต้านมมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก จนทำให้สตรีมีอาการปวดหัวไหล่ และอาจจะปวดหลัง ควรจะต้องทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยลดขนาดเต้านม(COSME TICBREAST REDUCTION) เป็นต้น
ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) มีการผ่าตัดอะไรบ้าง
1. เปลือกตาบน ( COSMETIC UPPER BLEPHAROPLASTY)
2. เปลือกตาล่าง (COSMETIC LOWER BLEPHAROPLASTY)
3. จมูก (COSMETIC RHINOPLASTY)
4. คาง (COSMETIC CHINPLASTY)
5. แก้ม (COSMETIC CHEEKPLASTY)
6. ขมับ (COSMETIC TEMPORALPLASTY)
7. ดึงหน้า (COSMETIC FACE LIFT)
8. เต้านม (COSMETIC MAMMOPLASTY)
9. หน้าท้อง (COSMETIC ABDIMINOPLASTY)
ศัลกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) ที่นิยมทำกันมากที่สุดเรียงตามลำดับในประเทศไทยมีอะไรบ้าง
1. เปลือกตาบน :- ทำตา 2 ชั้น เก็บรอยตีนกา, เพื่อให้ชั้นตาดูสวยงามเหมือนธรรมชาติและดูอ่อนเยาว์วัย และลักษณะดวงตามีเสน่ห์ อีกทั้งเป็นการแก้ไขโรคขนตาแยงตา
2. จมูก :- เสริมจมูกเพื่อให้มีรูปทรงสวยงามเหมือนธรรมชาติ
3. เปลือกตาล่าง :- เพื่อเก็บถุงไขมันใต้ตา, แก้ไขรอยย่นใต้ตาให้มีความสวยงามและดูอ่อนเยาว์วัย อีกทั้งเป็นการแก้ไขโรคขนตาแยงตา
4. คาง :- เสริมคางเพื่อให้ได้สัดส่วนกับใบหน้าและสวยงามเหมือนธรรมชาติ
5. เต้านม :- เสริมเต้านมเพื่อให้ดูอวบอิ่มขึ้นเหมาะสมกับรูปร่างของเจ้าของเต้านมและดู
เหมือนธรรมชาติ
6. ดึงหน้า :- มีหลายประเภทคือ
6.1 ดึงขมับ เพื่อแก้ไขหางคิ้วตก และแก้หางตาหย่อน, ตลอดจนแก้ไขรอยยิ้มที่
เกิดรอยย่นบริเวณหางตามีผลทำให้หางคิ้วดูตรงขึ้น หางตาไม่มีรอยย่น
6.2 ดึงหน้าทั้งหน้า เพื่อแก้ไขรอยย่นร่องแก้ม, รอยย่นมุมปาก, และหนังย่น
บริเวณใต้คาง มีผลทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์วัยลงหลายปีและมีสภาพผิวหนังที่ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น
6.3 ดึงหน้าผาก เพื่อแก้ไขคิ้วหย่อน, คิ้วตก, รอยย่นบนหน้าผากมีผลทำให้
ตำแหน่งคิ้วอยู่ในแนวปกติ ลักษณะเปลือกตาบนสวยขึ้น หน้าผากมีรอยย่นน้อยลง
7. หน้าท้อง เป็นการผ่าตัดผิวหนังและไขมันบริเวณหน้าท้องออกเพื่อแก้ไขอาการท้องลาย ท้องป่อง ท้องยื่น และท้องหย่อนเหี่ยวย่นมีผลทำให้หน้าท้องแบนเรียบ เอวเล็กลงเสมือนท้องเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น หรือก่อนจะมีบุตร มีสัดส่วนของร่างกายที่ดีขึ้น จึงสามารถเลือกใส่เสื้อและกางเกงหรือกระโปรงที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปได้โดยไม่ต้องใส่กางเกงยืดหรือกระโปรงยืดอีกต่อไปทั้งนี้เพราะรูปร่างของเอวและหน้าท้องเล็กลงจากเดิมมาก
8. เสริมขมับ ในบุรุษและสตรีที่มีขมับบุบนั้น ตามหลักของลักษณะโหวงเฮ้ง จะเป็นคนอาภัพ เมื่อได้รับการเสริมขมับแล้วจะทำให้ใบหน้ามีสัดส่วนสวยงามขึ้นและมีโหวงเฮ้งที่ดีขึ้น
ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) น่ากลัวและเป็นอันตรายหรือไม่
ปกติการทำศัลยกรรมเสริมสวยของใบหน้า (FACIAL COSMETIC SURGERY) นั้นสามารถกระทำได้โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ (LOCAL ANESTHESIA) โดยไม่จำเป็นต้องดมยาสลบหรือให้ยานอนหลับหรือ
ฉีดยานอนหลับได้แก่ ศัลยกรรมเสริมสวยเปลือกตาบน-ล่าง,เสริมจมูก,เสริมคาง, เสริมแก้ม, เสริมขมับ, ดึงหน้า โอกาสที่บุรุษหรือสตรีตั้งแต่วัย 17 ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์อายุเริ่มต้นที่ที่เหมาะสมในการทำศัลยกรรมเสริมสวย จะแพ้ยาชาเฉพาะที่คือ XYLOCAINE นั้น แทบจะไม่มีเลยเพราะปริมาณยาชาที่ใช้นั้น ศัลยแพทย์เสริมสวย(COSMETIC SURGERY) ก็จะไม่ใช้ยาชาเกินปริมาณขนาดที่จะทำอันตรายต่อมนุษย์อย่างแน่นอน ดังนั้นการทำผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยของใบหน้าด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่โดยศัลยแพทย์เสริมสวยที่มีความรู้ความสามารถทักษะ และมีประสบการณ์ยาวนานจึงไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่คนไข้ ทำให้คนไข้มีความมั่นใจมากขึ้นที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมสวยของใบหน้า
แต่สำหรับการทำศัลยกรรมเสริมสวยของเต้านมและหน้าท้อง จำเป็นจะต้องใช้วิธีดมยาสลบ (GENERAL ANESTHESIA) เพราะเป็นการผ่าตัดบริเวณกว้าง ยาชาเฉพาะที่ไม่สามารถครอบคลุมระงับความเจ็บปวดได้หมด การดมยาสลบโดยมีมาตรฐานภายใต้การควบคุมดูแลจากวิสัญญีแพทย์นั้นปลอดภัย ไม่เกิดอันตรายต่อคนไข้เพราะก่อนจะดมยาสลบคนไข้จะต้องได้รับการตรวจร่างกายโดยห้องLAB และ X-RAY ว่าสามารถดมยาสลบได้ วิสัญญีแพทย์จึงจะให้การวางยาสลบ และจะเป็นผู้ดูแลระยะหลังผ่าตัดซึ่งเป็นระยะเพิ่งฟื้นจากยาสลบเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง จึงไม่น่าจะเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นการทำผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยของเต้านมและหน้าท้องด้วยการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์และผ่าตัดโดยศัลยแพทย์เสริมสวยที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และมีประสบการณ์ยาวนานจึงไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่คนไข้ ทำให้คนไข้มีความมั่นใจมากขึ้นที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมสวยของเต้านมและหน้าท้อง
ในส่วนของความสวยงามที่จะทำให้เป็นที่ถูกใจแก่บุรุษและสตรี ตลอดจนการไม่เกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยนั้นขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถ ทักษะและประสบการณ์ของศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยที่คุณจำเป็นจะต้องเลือกศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยด้วยตัวของคุณเอง
การจะทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย คุณควรจะตัดสินใจเลือกศัลยแพทย์ผู้ใดเป็นผู้ทำให้คุณเพื่อให้มีใบหน้าสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติ มีสัดส่วนของร่างกายสวยงามถูกใจคุณและทำให้คุณเกิดความประทับใจในภาพลักษณ์ใหม่ของใบหน้าและสัดส่วนของร่างกาย จึงขอเสนอวิธีการและขั้นตอนดังนี้
1. คุณจะต้องศึกษาและเคยเห็นผลงานการทำศัลยกรรมเสริมสวยของศัลยแพทย์ผู้นั้นจริง ๆ จากภาพถ่ายของบุรุษและสตรีที่เคยได้รับการทำศัลยกรรมเสริมสวยมาแล้ว และถ้าจะให้ดีที่สุด คุณควรจะต้องเคยเห็นผลงานของศัลยแพทย์ผู้นั้นบนใบหน้าหรือรูปร่างของบุรุ ษและสตรีด้วยตาของคุณเอง จากคนไข้จริง ๆ อีกทั้งคุณสามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากคนไข้ผู้ที่เคยได้รับการทำศัลยกรรมเสริมสวยมาแล้วด้วยตัวคุณเอง จนคุณเกิดความมั่นใจ ที่สำคัญคืองานศัลยกรรมเสริมสวยของศัลยแพทย์บนใบหน้าของบุรุษและสตรีที่คุณได้เห็นจริงนั้นสวยงามและแลดูเป็นธรรมชาติถูกใจคุณหรือยัง ถ้ายังไม่ถูกใจคุณควรเลือกศัลยแพทย์คนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่จำเป็นจะต้องรีบด่วนตัดสินใจ เพราะการทำศัลยกรรมเสริมสวยมิใช่เป็นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บแต่อย่างใด ถ้าหากคุณพบศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยที่ถูกใจคุณก็ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ2.ต่อไป สำหรับข้อ 1. นี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด ถ้าหากคุณเลือกศัลยแพทย์ที่ทำศัลยกรรมเสริมสวยให้คุณแล้วไม่สวยงามแลดูเป็นธรรมชาติถูกใจตัวคุณเอง ตัวคุณเองก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาทันทีขอแนะนำว่างานศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยนั้นเป็นงานศิลปะชั้นสูงที่จะต้องได้ศัลยแพทย์ที่ผ่าตัดเก่งและมีประสบการณ์มายาวนาน มีผลงานบนใบหน้าและเรือนร่างของคนไข้ที่สวยงามเป็นจำนวนมาก ศัลยแพทย์เสริมสวยจะต้องมีความปราณีตและละเอียดอ่อนในทุกขั้นตอนของการทำผ่าตัด และที่สำคัญมากอีกประการหนึ่งคือ ศัลยแพทย์เสริมสวยผู้นั้นจะต้องมีจิตวิญญาณของนักศิลปะเพื่อความงามหรือมีพรสวรรค์ในงานศิลปะเพื่อความงามอย่างสูงอยู่ด้วย(คล้ายนัก-ประติมากรรมปั้นรูป) งานศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยจึงจะออกมาในรูปแบบที่สวยงามแลดูเป็นธรรมชาติและเป็นที่ถูกใจต่อบุรุษและสตรีที่ต้องการทำศัลยกรรมเสริมสวย
2. คุณจะต้องสอบถามข้อมูลในเรื่องขั้นตอนของการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด วิธีการผ่าตัดของศัลยแพทย์เสริมสวย การติดตามผลลัพธ์ของการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด ตลอดจนคำแนะนำในการดูแลตนเองหลังผ่าตัด การรับทราบและยอมรับข้อดีและข้อเสียหรือโรคแทรกซ้อนบางประการของการผ่าตัดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำการผ่าตัดเป็นอย่างดีที่สุดแล้ว โดยปกติศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยจะต้องบอกข้อมูลดังกล่าวให้คุณจนเป็นที่เข้าใจก่อนจะตัดสินใจรับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยจากศัลยแพทย์ผู้นั้น และคนไข้จะต้องเซ็นใบยินยอมอนุญาตให้สามารถผ่าตัดได้ก่อนที่ศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำการผ่าตัด
3. คุณจะต้องสอบถามราคาค่าผ่าตัด ซึ่งอาจจะมีราคาแตกต่างกันในแต่ละสถานที่ทำศัลยกรรมเสริมสวย และโปรดกรุณาอย่าตัดสินใจเลือกศัลยแพทย์เสริมสวยที่จะผ่าตัดบนใบหน้าหรือร่างกายของคุณด้วยเพียงเงื่อนไขเรื่องราคาเช่น คุณตัดสินใจผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยเพียงเพราะราคาถูกที่สุดเท่าที่คุณสืบถามราคามา หรือคุณตัดสินใจผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยเพียงเพราะราคาแพงที่สุด แต่ข้อเท็จจริงคือ ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานมากกว่าราคาค่าผ่าตัดจะสูงกว่าศัลยแพทย์ที่เพิ่งเริ่มต้นทำศัลยกรรมเสริมสวยเหมือนอาชีพ PROFESSIONAL อื่น ๆ เช่น นักบริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์มายาวนานจะมีค่าตัวสูงกว่านักบริหารที่เพิ่งเริ่มต้นจับงานบริหารใหม่ ๆ ดังนั้นเรื่องราคาถูกหรือแพงจึงไม่สำคัญเท่าคุณจะต้องเคยเห็นผลงานของศัลยแพทย์เสริมสวยผู้นั้นมาแล้วจริง ๆ จากตัวคนไข้จริง ๆ และคุณจะต้องพิจารณาด้วยตนเองว่าศัลยแพทย์ผู้นั้นสามารถทำให้คุณสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติและถูกใจคุณหรือไม่
4. คุณจะต้องสอบถามการติดตามดูแลผลลัพธ์หลังผ่าตัดของศัลยแพทย์ว่าเป็นอย่างไรโดยปกติควรจะมีการนัดหมายให้คุณมาพบศัลยแพทย์เป็นระยะ ๆ เช่น ทุก ๆ 1-2 เดือน จนครบระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน (ระยะเวลาประมาณ 3 -6 เดือนจะเป็นระยะเวลาที่ทางการแพทย์ยอมรับว่าการยุบบวมและรอยแผลเป็นแผลต่าง ๆ หายดีเกือบสมบูรณ์แล้ว)
ข้อ 1. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเปลือกตาบน ( COSMETIC UPPER BLEPHAROPLASTY)
ข้อบ่งชี้ลักษณะของเปลือกตาบนที่สมควรจะมาทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย
1. เปลือกตาบนไม่มีชั้นตาที่ชัดเจน(ไม่มีชั้นตาหรือชั้นตาหลบในมองไม่เห็นขนตา) ชั้นตา 2 ข้างไม่เหมือนกัน
2. เปลือกตาอูม(มีถุงไขมันใต้เปลือกตา)และไม่มีชั้นตา
3. เปลือกตาบนมีหนังตาหย่อนห้อยลงมาปิดดวงตา โดยเฉพาะหางตาทำให้ลักษณะตาเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีผลทำให้ลานสายตาแคบคือ การมองภาพที่อยู่ด้านบนและด้านข้างแคบลง
4. มีรอยตีนกา คือมีหนังหย่อนบริเวณหางตาและบริเวณที่เลยหางตา เวลายิ้มจะมีรอยพับของหนังตาหย่อนบริเวณหางตาเป็นรอยจีบย่น บางรายมีรอยจีบย่นหลายรอย
5. ขนตาบนแยงตา ซึ่งจะมีผลทำให้เยื่อตาอักเสบมีอาการเคืองตาตลอดเวลา และมีน้ำตาไหลซึม
โรคแทรกซ้อนของการทำศัลยกรรมเสริมสวยเปลือกตาบน
1. เปลือกตาบนบวมนาน อาจมีรอยซ้ำหรืออาจมีอาการปวด แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 เดือน โดยมากแพทย์จะแนะนำให้มีการประคบเย็นร่วมด้วยหลังผ่าตัด
2. แผลผ่าตัดติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่รุนแรง อาจจะมีเพียงบางจุดของแผลผ่าตัดติดเชื้อเล็กน้อย ศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำแผลให้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็เป็นปกติ
3. ชั้นตาไม่เท่ากันหรือชั้นตาไม่สวย คนไข้จะต้องปรึกษาศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดหลังจากการยุบบวมเป็นที่เรียบร้อยประมาณ 3 เดือน เพื่อที่ให้ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดเป็นผู้พิจารณาว่าสมควรแก้ไขหรือไม่
ข้อ 2. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเปลือกตาล่าง (COSMETIC LOWER BLEPHAROPLASTY)
ข้อบ่งชี้ลักษณะของเปลือกตาล่างที่สมควรจะมาทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย
1. เปลือกตาล่างที่มีความนูนยื่นออกมาจากการที่มีถุงไขมันใต้ตาล่างยื่นหย่อนออกมา
จากภาวะพันธุกรรมหรือเมื่อสู่วัยสูงอายุ
2. เปลือกตาล่างมีรอยย่นยับมีรอยจีบของหนังตา เวลายิ้มขอบหนังตาล่างจะนูนป่องออกมา และมีรอยย่นเป็นจีบหรือเป็นแฉกออกจากหางตาล่าง
โรคแทรกซ้อนของการทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเปลือกตาล่าง
1. เปลือกตาล่างบวมนาน อาจมีรอยซ้ำหรือมีอาการปวด แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 เดือน โดยมากแพทย์จะแนะนำให้มีการประคบเย็นร่วมด้วยหลังผ่าตัด
2. แผลผ่าตัดติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่รุนแรง อาจจะมีเพียงบางจุดของแผลผ่าตัดติดเชื้อเล็กน้อย ศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำแผลให้ประมาณ1-2 สัปดาห์ก็เป็นปกติ
3. เปลือกตาล่างอ้าออก หรือเปลือกตาล่างไม่ได้ประกบติดเยื่อบุตา อาจเกิดจากการบวมหลงเหลืออยู่ โดยมากแพทย์จะให้รอการยุบบวมประมาณ 3 เดือน หากยังมีอาการอยู่คนไข้ควรสอบถามศัลยแพทย์เสริมสวยที่ทำการผ่าตัดให้พิจารณาแก้ไขหรือไม่
ข้อ 3. การทำศัลยกรรมเสริมสวยของจมูก (COSMETIC RHINOPLASTY)
โดยทั่วไปจมูกของคนไทยและคนจีนนั้นโดยมากจะมีลักษณะดั้งจมูกแบนเหมือนอานม้า บางรายเป็นจมูกชนิดที่แบนมาก ๆ จนรูปใบหน้าทางด้านข้างเป็นรูปเว้าเข้า ดังนั้นการแก้ไขจมูกแบนนั้นต้องใช้วิธีการผ่าตัดเสริมจมูก (COSMETIC AUGMENTATIONRHINOPLASTY) จึงจะทำให้จมูกดูโด่งและสวยงามได้รูปทรงเหมือนธรรมชาติ
วัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมจมูกนั้น ในปัจจุบันใช้สารซิลิโคนแท่ง (SILICONE BLOCK) ที่มีความหนาแน่นของเนื้อซิลิโคนแตกต่างกันซิลิโคนแท่งจึงมีทั้งชนิดแข็งมาก แข็งน้อย และนิ่มมากไว้สำหรับให้ศัลยแพทย์เลือกใช้กับคนไข้ต่าง ๆ ซึ่งคนไข้บางคนควรจะใช้ชนิดแข็งบางคนควรจะใช้ชนิดนิ่มมาก สารซิลิโคนเป็นสารที่ยอมรับในวงการแพทย์ทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยต่อเนื้อเยื่อของมนุษย์สามารถนำมาฝังในเนื้อเยื่อของร่างกายได้โดยไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน(REJECTION) หรือ
ปฏิกิริยาขับสารซิลิโคนอกจากร่างกาย ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง ศัลยแพทย์เสริมสวยจึงนำ SILICONE BLOCK มาทำการเหลาให้เป็นรูปร่างต่าง ๆกัน ตามที่ต้องการจะใช้เสริมส่วนใดหรืออวัยวะใดในร่างกาย เช่น เสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้มเป็นต้นสำหรับซิลิโคนเหลวที่ใช้ฉีดเข้าส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่ขอแนะนำเนื่องจากมีข้อดีเพียงข้อเดียวคือ การฉีดทำได้ง่ายกว่าการผ่าตัดอีกทั้งราคาค่าฉีดซิลิโคนอาจจะถูกกว่าการผ่าตัด แต่ข้อเสียมีมากมายคือ ซิลิโคนเหลวเป็นของไหลได้จึงมีการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นที่อยู่ข้างเคียงบริเวณที่ฉีด ทำให้รูปทรงบริเวณที่ฉีดเสียรูปทรงไป พร้อมกับบริเวณที่ไม่ได้ฉีดก็มีรูปทรงแปลก ๆ เกิดขึ้น สารซิลิโคนเหลวที่อยู่ใต้ผิวหนังจะขัดขวางเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนังทำให้สุขภาพผิวหนังบริเวณที่ฉีดขาดเลือดมาเลี้ยงตามปกติ ทำให้สุขภาพผิวหนังเปลี่ยนแปลงไปเป็นสีม่วงคล้ำ หรือเป็นรอยแดง
และบางครั้งซิลิโคนเหลวไหลทะลุออกมาบนผิวหนังได้ ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง เกิดเป็นแผลเรื้อรังได้ นอกจากนี้ผู้ที่ถูกฉีดสารซิลิโคนเหลวแล้วเกิดปัญหาดังกล่าว และต้องการจะเอาออก ศัลยแพทย์เสริมสวยก็ไม่สามารถจะผ่าตัดเอาออกได้หมด จึงเป็นปัญหาที่ยังมีสิ่งแปลกปลอมคั่งค้างอยู่ในร่างกาย
สำหรับซิลิโคนที่ใช้เสริมเต้านมจะเป็นถุงที่ทำจากซิลิโคนที่เป็นแผ่นบาง ๆ และภายในถุงอาจจะบรรจุน้ำเกลือปราศจากเชื้อหรืออาจจะบรรจุซิลิโคนเหลวอยู่ภายในถุง ซึ่งไม่สามารถจะซึมรั่วออกจากถุงได้ จึงไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ถ้าหากคน ไข้ได้รับ อุบัติเหตุถุงซิลิโคนเสริมเต้านมแตก เพียงแต่คนไข้จะต้องมาพบศัลยแพทย์เสริมสวยเพื่อเอาถุงซิลิโคนเก่าออกและใส่ถุงซิลิโคนใหม่เ ข้าไปแทนที่ คนไข้ก็จะมีเต้านมที่ได้รับการเสริมเต้านมเหมือนเดิม
ซิลิโคนแท่งและถุงซิลิโคนเสริมเต้านมเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น มีทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศแถบยุโรป เช่น ประเทศฝรั่งเศส ประเทศแถบเอเซีย เช่นประเทศเกาหลี ประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีน ซึ่งมีคุณภาพคล้าย ๆ กัน
ข้อดีของการผ่าตัดโดยใช้ซิลิโคนแท่งเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้ม
1. ศัลยแพทย์เสริมสวยสามารถกำหนดรูปทรงของอวัยวะที่ต้องการเสริมได้โดยการเหลาแท่งซิลิโคน ให้เป็นรูปร่างต่าง ๆกัน ตามชนิดของการผ่าตัด บางโรงงานที่ผลิตสารซิลิโคนก็พิมพ์รูปซิลิโคนเป็นรูปที่ใช้สำหรับเสริมจมูก, เสริมคาง, เสริมขมับ และเสริมแก้ม เป็นชนิดสำเร็จรูปมาเลย
2. ถ้าหากในอนาคตคนไข้เจ้าของจมูก แก้ม ขมับ และคางที่ได้รับการทำศัลยกรรมเสริมสวยมาแล้วเกิดไม่พอใจ ก็สามารถให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดถอดออกได้หมดทั้งอัน โดยไม่มีเศษวัสดุเหลือทิ้งไว้ในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยมากกว่าการฉีดซิลิโคนเหลวซึ่งไม่สามารถผ่าตัดออกได้หมด
การที่จะได้รูปร่างและรูปทรงของจมูก คาง ขมับ และแก้ม ภายหลังการผ่าตัดเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้ม ที่มีลักษณะสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับ 1. รูปทรงของซิลิโคนแท่งที่ศัลยแพทย์แต่ละท่านเหลา(เป็นงานศิลปะชั้นสูง)และ 2. วิธีการผ่าตัดของศัลยแพทย์แต่ละท่าน ดังนั้นถ้าคุณอยากได้จมูกสวยงาม คางสวยงาม ขมับสวยงาม และแก้มสวยงาม แลดูเป็นธรรมชาติ คุณจะต้องศึกษาและเคยเห็นผลงานของศัลยแพทย์ผู้นั้นบนใบหน้าของบุรุษและสตรีที่เคยได้รับการผ่าตัดเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้มมาจริง ๆ และควรจะต้องใช้มือของคุณลูบคลำดูบริเวณดั้งจมูก คาง ขมับ และแก้มของผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมาแล้วว่ามีความเนียนและแนบไปกับผิวหนังโดยคลำไม่พบรอยต่อและมองไม่เห็นชัดเจนว่าเป็นแท่งซิลิโคนวางอยู่ข้างใน จึงจะเป็นลักษณะจมูก, คาง, ขมับ และแก้มที่แลดูเหมือนธรรมชาติ
ข้อเสียของการผ่าตัดโดยใช้ซิลิโคนเสริมจมูก ,เสริมคาง,เสริมขมับ และเสริมแก้ม
1. การติดเชื้อ
2. จมูกหรือคางไม่ตรง หรือเบี้ยวเอียง ทั้งนี้ต้องขึ้นกับว่าพื้นฐานเดิมของจมูกหรือคางของบุรุษและสตรีผู้นั้นว่ามีจมูกหรือคางไม่ตรงตั้งแต่เดิมหรือไม่
3. จมูกหรือคางมีการอักเสบ บวมแดง
4. ซิลิโคนเบียดหนังจมูกจนบาง และบางรายอาจจะบางมากจนสังเกตุได้ว่าผิวหนังบนจมูกดูบางใส
สำหรับข้อเสียของการเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้มด้วยซิลิโคนข้างต้นนี้ คุณมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษางานศัลยกรรมเสริมสวยของศัลยแพทย์ให้รอบคอบ
โดยเฉพาะควรจะเห็นตัวอย่างคนไข้ที่เคยได้รับการเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับและเสริมแก้มจากศัลยแพทย์ผู้นั้น ด้วยตาของคุณเองและควรจะต้องได้ลูบคลำจมูกผู้นั้นว่ามีความเนียนปราศจากรอยต่อและจมูกหรือคางแลดูเป็นธรรมชาติหรือไม่ก่อนตัดสินใจให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดให้คุณ ข้อนี้คุณจะต้องเลือกศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยให้ถูกใจคุณอย่างมากจะเป็นการดีที่สุด
ข้อ 4. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเต้านม (COSMETIC MAMMOPLASTY)
ข้อบ่งชี้ในการทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยของเต้านม
สตรีที่มีเต้านมเล็กหรือมีลักษณะหน้าอกแบนราบคล้ายผู้ชาย
สตรีที่มีเต้านมสองข้างมีขนาดแตกต่างกันมาก
สตรีที่มีเต้านมคล้อยหย่อน หรือเต้านมยาน
ศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยจะใช้ถุงซิลิโคนที่บรรจุน้ำเกลือปราศจากเชื้อหรือถุงซิลิโคน
ที่บรรจุซิลิโคนเหลว เสริมเต้านมโดยมีการผ่าตัดในทั้งทางรักแร้ หรือลานหัวนม หรือใต้ฐานนม โดยขึ้นอยู่กับลักษณะเต้านมของคนไข้และความพึ่งพอใจของคนไข้ที่จะเลือกผ่าตัดโดยวิธีใด และเลือกจะใช้ถุงซิลิโคนประเภทใด
ข้อ 5 การผ่าตัดหน้าท้อง (COSMETIC ABDIMINOPLASTY)
ข้อบ่งชี้ในการทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยของหน้าท้อง
สตรีที่ผ่านการมีบุตรมาแล้ว และได้ทำหมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สตรีที่มีหน้าท้องยื่นหย่อนหรือหน้าท้องยาน หรือหน้าท้องมีรอยเหี่ยวย่น หรือหน้าท้องมี
รอยแตก ทำให้บริเวณหน้าท้องไม่สวยงาม
3. บุรุษหรือสตรีที่มีหน้าท้องใหญ่ ท้องป่อง
ศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยจะใช้ดุลยพินิจในการดูดไขมันหรือผ่าตัดผิวหนังหรือไขมันหน้าท้องของคนไข้ออก ขึ้นอยู่กับลักษณะของหน้าท้องคนไข้ และความพึ่งพอใจของคนไข้ที่จะเลือกผ่าตัดวิธีใด