วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิธีรักษาผิวหน้า

สูตรที่ 1 พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ จากประเทศญี่ปุ่น

วิธีทำ เริ่มด้วยการฝานมะเขือเทศ 1 ชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมีวิตามินซี และกรด AHA จะช่วยลอกผิวหน้าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็น เช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด

สูตรที่ 2 พอกหน้าด้วยไข่ขาว จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

วิธีทำ ตอกไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่ม จุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จนไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

สูตรที่ 3 พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง จากประเทศสเปน

วิธีทำ เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง จากนั้นใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียว นวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพักศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วก็ค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออกให้สะอาด

สูตรที่ 4 พอกหน้าด้วยแอปเปิล จากประเทศเบลเยียม

วิธีทำ ปอกแอปเปิลแล้วคว้านเอาไส้และเมล็ดออก จากนั้นบดให้ละเอียด ขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบดจนเข้ากันดีแล้ว นำเอาส่วนผสมนี้มาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้างออก

สูตรที่ 5 พอกหน้าด้วยนมเปรี้ยว จากประเทศรัสเซีย

วิธีทำ สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ล้างหน้าให้สะอาดก่อนจะเอานมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัดพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีหรือนานกว่านั้น แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก ตำรานี้จะใช้ได้ผลดีมากในหน้าร้อน เพราะจะช่วยให้ใบหน้าที่ซีดเซียวกลับเปล่งปลั่งขึ้นได้

สูตรที่ 6 พอกหน้าด้วยแตงโม จากประเทศตุรกี

วิธีทำ จัดการฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

สูตรที่ 7 พอกหน้าด้วยน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง จากประเทศฝรั่งเศส

วิธีทำ ด้วยการผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน แล้วนำมาทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

ลองเอากลับไปทำกันดูนะคะ มีให้เลือกตั้ง 7 สูตร ทำง่ายๆ แถมวัตถุดิบเป็นของที่ได้มาจากใกล้ๆ ตัว และเป็นสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติโดยเฉพาะ รับรองว่าใบหน้าขาวสวยใสคงอยู่ไม่ไกลเกิน เอื้อมแน่นอน...

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

อย.เอาจริง เข้มงวดสถาบันเสริมความงาม ล่าสุด วุฒิศักดิ์คลีนิค สาขางามวงศ์วาน เจอหางเลข!!!

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมด้วย นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ รศ.นพ.นภดล นพคุณ และ นพ.ประวิทย์ อัศวานนท์ จากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการที่มีคลินิกเสริมความงามหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอน (Glutathione) มาฉีดให้ลูกค้า โดยโฆษณาชวนเชื่อว่าช่วยให้ผิวขาวเรืองแสงได้ ซึ่งเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา อย.ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเข้าตรวจสถานพยาบาลวุฒิ-ศักดิ์ คลินิกเวชกรรม สาขางามวงศ์วาน พบว่า มีแผ่นพับโฆษณาสถานพยาบาลในลักษณะโอ้อวดเกินความจริง นพ.ศุภชัย บอกว่า จากการเข้าตรวจสถานพยาบาลวุฒิ-ศักดิ์ คลินิกเวชกรรม สาขางามวงศ์วาน พบว่า สถานบริการแห่งนี้ มีแผ่นพับโฆษณาข้อความดังกล่าว ระบุว่า โปรแกรมเรเดี๊ยนซ์ แอนด์ ดีท็อกซิฟิเดชั่น (RADIANCE DETOXIFICATION) เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่าง สดใส ทั่วทั้งเรือนร่าง เหมือนดาราโดยไม่มีผลกระทบจากการใช้ยา ถือเป็นโฆษณาที่เข้าข่ายโอ้อวดเกินความจริง เข้าข่ายความผิดมาตรา 38 พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พุทธศักราช 2541 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และหากยังมีการโฆษณาเกินจริงอยู่อีก จะมีโทษปรับวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขโฆษณาดังกล่าวให้เหมาะสม นอกจากนั้น ยังมีการตรวจพบการใช้ยาเตติโอนิล (TATIONIL) ซึ่งมีตัวยากลูตาไทโอน ซึ่งเป็นยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานำมาใช้ในสถานประกอบการ ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 34(2) พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พุทธศักราช 2541 ต้องระวางโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ " ขณะนี้ได้สั่งการให้สถานพยาบาลดังกล่าวระงับการโฆษณา หรือการโฆษณาอื่น ๆ ที่มีลักษณะหรือมีข้อความที่เป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล และให้ระงับการใช้ยาดังกล่าวด้วย โดยจะมีผลรวมไปถึงสถานพยาบาลทุกแห่งที่มีการใช้วิธีนี้อยู่ เนื่องจากเป็นกระบวนการรักษาที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้หากพบว่ามีผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการก็จะส่งเรื่องให้กับแพทยสภาพิจารณาต่อไป " นพ.ศุภชัย กล่าว นพ.ศุภชัย ยังถือโอกาสประกาศด้วยว่า ขณะนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้รณรงค์ตรวจมาตรฐานการประกอบกิจการสถานพยาบาลคลินิกที่จัดให้บริการเกี่ยวกับการเสริมความงาม โดยในช่วงระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการตรวจคลินิกจำนวน 110 แห่ง พบว่ามีข้อความโฆษณาในเชิงโอ้อวดมากที่สุดถึง 24 แห่ง ขณะเดียวกัน ยังตรวจพบว่ามีป้ายชื่อคลินิกไม่ถูกต้อง 2 แห่ง ไม่มีข้อความแจ้งให้สอบถามอัตราค่ารักษาพยาบาล ไม่แสดงอัตราค่ารักษาพยาบาล และไม่แสดงใบอนุญาตประกอบกิจการและใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลในที่เปิดเผย จำนวนอย่างละ 1 แห่ง ซึ่งทางกรมได้แนะนำและตักเตือนให้สถานพยาบาลดังกล่าวปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว " ผมอยากฝากไปยังคลินิกเสริมความงาม และคลินิกผิวหน้าทั้งหลาย ให้ระมัดระวังในการใช้ยา เวชภัณฑ์ วิธีการรักษาต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้มาตรฐานได้รับการยอมรับ ไม่ควรนำคนไข้ไปเป็นตัวทดลองแถมยังเก็บค่ารักษาพยาบาลในราคาที่แพง ถือเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและผิดกฎหมายด้วย " นพ.ศุภชัย กล่าว ด้าน นพ.ประวิทย์ อัศวานนท์ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามียาหลายประเภทที่มีผลข้างเคียงทำให้ผิวดูซีดจางลง แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะมีผลข้างเคียงอื่น ๆ อีกหรือไม่ ขณะนี้ข้อมูลในระยะยาวยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกิดผลเสียได้ในอนาคต " ขอเตือนวัยรุ่น ผู้หญิง ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์ยาอาจช่วยได้ชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยาร่างกายก็ผลิตเม็ดสีตามปกติ ซึ่งการฉีดยาเข้าเส้นนั้นมีอันตรายมาก ผู้บริโภคที่ได้รับการฉีดสารตัวนี้อาจเกิดอาการแพ้ยา ช็อก หรือหยุดหายใจได้ สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางก็สามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ชั่วคราวเท่านั้น โดยไม่มีผลกับโครงสร้างใด ๆ ของผิว " นพ.ประวิทย์ กล่าว " นอกจากนี้ การที่ประชาชนในแถบเอเชียมีผิวคล้ำ ถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เพราะสามารถป้องกันแสงอัลตราไวโอเล็ตจากแสงอาทิตย์ได้ ทำให้โอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนผิวขาว จึงไม่ควรมีค่านิยมที่ผิดในการเปลี่ยนสีผิวให้ผิดธรรมชาติ และหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้สารกลูตาไทโอนก็สามารถแจ้งมาได้ทั้ง 3 หน่วยงาน คือ อย.สบส.และ สคบ." คุณหมอ ทิ้งท้าย

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551


17 สูตร เพื่อผิวสวย !!!

...บำรุงผิวให้อ่อนเยาว์...

1. หากอยากให้ผิวพรรณผุดผ่องล่ะก็ ก่อนลงเล่นน้ำทะเลควรจะชโลมเบบี้ออยล์ให้ทั่วตัวก่อน แล้วค่อยใช้ทรายที่ชายทะเลขัดผิว ก่อนที่จะไปล้างตัวด้วยการเล่นน้ำทะเล แต่อย่าลืมทาครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มี SPF 15 ด้วย ไม่งั้นผิวสวยๆจะไหม้เกรียมซะก่อนนะจ๊ะ

2. ส่วนสาวที่มีผิวบอบบาง ควรป้องกันผิวจากรังสียู่วีในแสงอาทิตย์ได้ด้วยการชโลมน้ำมันอัลมอนด์ลงบนผิวกายทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือจะใช้น้ำมันที่สกัดจากมะพร้าว ก็ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและลมหนาวได้เหมือนกัน

3. มอยส์เจอไรเซอร์ สำหรับสาวที่มีผิวไวและเกิดการระคายเคืองง่าย ควรเลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของกรดหรือน้ำหอม สังเกตได้บนฉลากของผลิตภัณฑ์จะเขียนคำว่า " Comedogenic " หมายถึงผลิตภัณฑ์นั้นจะไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันนั่นเอง

4. สาวที่มีผิวธรรมดา แต่มักตกสะเก็ดและคันในช่วงหน้าหนาว ขอแนะนำให้ใช้โลขั่นที่มีความชุ่มชื้น ที่ออกแบบมาสำหรับคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ตลอด 24 ชั่วโมง

5. สาวที่อยากมีผิวขาวเนียนสว่างกระจ่างตา ทำได้โดยนำมะขามเปียกมาขัดถูผิวเวลาอาบน้ำ จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มไม่แห้งแตก ยิ่งในช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ด้วยยิ่งดีใหญ่ เพราะจะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มเนียนน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น

...ใส่ใจใบหน้าให้ใสปิ๊ง...

6. ดื่มน้ำแร่อย่างน้อย 1.5 ลิตรทุกวัน จะช่วยให้ผิวพรรณและใบหน้าสดใส

7. ใช้น้ำแร่เย็นเฉียบล้างหน้าเป็นประจำเช้า-เย็น จะช่วยลดรอยขรุขระบนใบหน้าได้ น้ำเย็นยังช่วยให้ผิวหน้าปรับสภาพและคืนสมดุลได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย

8. สาวๆหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ผิวหน้าก็หิวน้ำได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหมั่นฉีดสเปรย์น้ำแร่ให้ใบหน้าคงความชุ่มชื้นได้ตลอดวัน

9. นำน้ำผึ้งมาอุ่นให้ได้อุณหภูมิพอเหมาะ แล้วพอกทาทั่วใบหน้าและลำคอ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเป็นการให้สารอาหารบำรุงกับผิวหน้าด้วย

10. ลองใช้น้ำผึ้งมาผสมน้ำนมอาบเหมือนพระนางคลีโอพัตราบ้างก็ได้ วิธีนี้จะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มนวลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

11. ใช้เมล็ดอัลมอนด์บดผสมกับโยเกิร์ต พอกทิ้งไว้ 18-20 นาที ใช้น้ำล้างหน้าแล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ด จากนั้นล้างหน้าอีกครั้ง แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงผิวหน้าที่นุ่มนวลเนียนใส
...ถนอมผิวรอบดวงตา...


12. ทำความสะอาดรอบดวงตาอย่างละมุนละไม โดยเฉพาะสาวไหนที่รักการแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ ควรเลือกใช้โลชั่นเช็ดเครื่องสำอางที่ผลิตมาเป็นพิเศษสำหรับล้างเครื่องสำอางอย่างอายแชโดว์และมาสคาร่า

13. ก่อนเลือกซื้อครีมบำรุงรอบดวงตา ให้พิจารณาด้วยว่ามีส่วนผสมอะไรในครีมบ้าง เช่น ถ้าผสมชาเขียวซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ก็จะช่วยฟื้นฟูผิวของคุณให้สดใสขึ้น หรือถ้ามีส่วนผสมของคาโมมายล์ ก็จะช่วยในการผ่อนคลาย และปลอบประโลมผิวจากอาการระคายเคืองได้ดี

14. สำหรับสาวที่อยากชะลอริ้วรอยก่อนวัย ควรเลือกครีมบำรุงดวงตาที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ จะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น ขณะที่วิตามินบีจะช่วยซ่อมแซมผิว และวิตามินช่วยปกป้องผิวจากริ้วรอย

15. ก่อนนอน ควรดูแลผิวรอบดวงตาด้วยการใช้นิ้วมือแตะครีมบำรุงรอบดวงตา แล้วถูเนื้อครีมให้เข้ากัน วิธีนี้จะช่วยให้เนื้อครีมผสมผสานทำงานได้ดีขึ้น แล้วแตะเบาๆบนผิวรอบดวงตา ปล่อยให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวจะช่วยบำรุงและชะลอริ้วรอยเพื่อผิวหน้าสดใส

16. ส่วนครีมบำรุงรอบดวงตาตอนเช้า เลือกชนิดเจลที่มีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยลดริ้วรอยและปกป้องแสงแดด ทั้งนี้ไม่ควรใช้ครีมสำหรับใบหน้าทาบริเวณรอบดวงตา เพราะบางชนิดเนื้อครีมจะมีความเข้มข้นสูง และมีส่วนผสมของน้ำหอม และสี ซึ่งอาจทำให้ดวงตาเกิดการระคายเคืองได้

17. สาวไหนนอนดึก สามารถแก้ขอบตาดำคล้ำได้ด้วยการฝานมันฝรั่งบางๆ แล้ววางลงบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ 10 นาที น้ำและความชุ่มชื้นจากมันฝรั่งจะซึมซาบเข้าสู่ผิว ช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาจางลงได้

ศีรษะล้านและการปลูกผม

ผมร่วง อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของ Hormones, อายุมากขึ้น, ประวัติทางกรรมพันธุ์ ท่านที่มีผมร่วงเกิดขึ้นอายุยังน้อยเพียงใด โอกาสที่ความรุนแรงของภาวะศีรษะล้านจะมากขึ้นเท่านั้น

ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีปัญหานี้ และสนใจเรื่องการปลูกผม ความรู้เหล่านี้จะช่วยท่านในการพิจารณา :

1. การปลูกผม จะช่วยให้ท่านมีบุคลิกที่ดีขึ้นทดแทน เส้นผมส่วนที่ขาดหายไปบางส่วน ไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมด ผลที่ตามมา อาจไม่เป็นดังที่ท่านหวังไว้เสมอไป
2. การปลูกผมจะได้ผลดี ถ้าท่านยังมีผลที่สมบูรณ์บริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศรีษะเพราะผมจากบริเวณนี้จะเป็นส่วนที่ถูกแบ่งไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ผู้ป่วยที่มีศีรษะล้าน ส่วนใหญ่ที่เป็นชายมักจะมีเส้นผมส่วนนี้เหลืออยู่

3. วิธีการผ่าตัดปลูกผมทำได้หลายวิธี เริ่มตั้งแต่การนำเส้นผมมาปลูกครั้งละ 2-3 เส้น หรือเป็นกอคล้ายการปลูกหญ้า (hair grafts) ซึ่งจะได้ผมที่ไม่หนาแน่นมากนัก แต่ช่วยทำให้ดูดีขึ้น อาจต้องทำหลายครั้ง หรือวิธีการย้ายเส้นผมและหนังศีรษะจากด้านข้างและหลังมาปิดบริเวณด้านหน้าในคราวเดียวกัน (hair flaps) จนกระทั่งการใช้ถุงขยายหนัง (tissue expander) ขยายผิวหนังส่วนที่มีเส้นผม ซึ่งอยู่ด้านข้างบริเวณที่ศีรษะล้าน จากนี้จึงเย็บเข้ามาหากัน ทั้ง 2 วิธีได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่วิธีการผ่าตัดอาจยุ่งยากกว่า

4. วิธีการผ่าตัดแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายๆไป ไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งจะสามารถแก้ปัญหาได้ดีที่สุด ในผู้ป่วยทุกราย แพทย์จะเป็นผู้เลือกวิธีผ่าตัดที่เหมาะสม บางรายอาจต้องใช้ 1-2 วิธีรวมกัน เพื่อให้ได้ผลที่ดีสุดและเป็นธรรมชาติมากที่สุด

5. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ท่านที่สูบบุหรี่ควรงดสูบบุหรี่ ~ 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด ควรงดยาบางประเภท เช่น aspirin หรือยาพวก minoxidil ซึ่งมักรับประทานเพื่อกระตุ้นรากผม เนื่องจาก อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออกมากผิดปกติระหว่างผ่าตัด

6. การผ่าตัดปลูกผม สามารถทำได้ โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องใช้ยาสลบ ท่านจึงไม่จำเป็นต้องงดอาหาร สามารถทำเสร็จแล้วกลับได้เลย แต่การผ่าตัดใช้เวลานาน ~3-6 ชม.

ขั้นตอนการผ่าตัดประกอบด้วย

- แพทย์จะเริ่มต้นฉีดยาบริเวณท้ายทอย เพื่อนำมาเอาผมจากบริเวณนี้มาปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่มักเน้นด้านหน้า จากนั้นแพทย์จะทำการแบ่งเส้นผมและรากผมออกเป็นกลุ่มเล็กๆ ตั้งแต่ 3-5 ราก หรือ 1-2 ราก

-หลังจากนั้นจึงนำรากผมที่แบ่งเรียบร้อยมาปลูกบริเวณที่ต้องการ

7. การดูแลหลังผ่าตัด : ส่วนใหญ่แพทย์จะพันศีรษะบริเวณที่ทำผ่าตัดไว้ ~ 1-4 วัน แล้วแต่กรณี จากนั้น จึงเปิดแผลออกทำความสะอาด ไม่ต้องปิดแผล และท่านสามารถสระผมหรือทำความสะอาดศีรษะได้ ท่านจะไปทำงานในวันรุ่งขึ้นหรือรอหลังจากตัดไหมบริเวณท้ายทอยเรียบร้อยแล้วก็ได้ (~7-10 วัน)

8. หลังผ่าตัดผมที่ปลูกแล้วอาจเติบโตยาวต่อไปหรือบางครั้งผมที่ปลูกไว้อาจร่วงหลุดไปได้ภายใน 6 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้ หลังจากนั้น 6-8 สัปดาห์ ผมจึงจะงอกขึ้นมาแทนที่ ในตำแหน่งเดิม (ในภาวะปกติแล้ว เส้นผมจะงอกในอัตราประมาณ ½ นิ้ว ต่อเดือน)

9. หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ท่านจะเริ่มเห็นผมที่ปลูกไว้งอกขึ้นมา ซึ่งจะไม่หนาแน่นเท่าเส้นผมปกติ แต่ก็จะช่วยเสริมบุคลิกของท่านให้ดีขึ้นได้ ถ้าต้องการให้ผมดูหนาขึ้นก็สามารถทำการผ่าตัดเพื่อเพิ่มเติมเส้นผม ด้วยวิธีการเช่นเดิมอีกครั้งตามที่ต้องการ

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต

# จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
# จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
# จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
# เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
# เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย

# ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน

# จงเชื่อในรักแรกพบ
# อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
# เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
# ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
# อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
# จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
# ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
# จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
# พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
# เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
# จงจำ 3 R :

- นับถือผู้อื่น Respect others
- นับถือตนเอง Respect yourself
- รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ Responsibilities
# จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
# ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที

# จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะได้เห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
# จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ศัลยกรรม - เลเซอร์ เสริมความงาม

ความรู้ทางการแพทย์ด้านศัยลกรรมเสริมสวย โดย พตอ. นพ อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยแห่งประเทศไทย
ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) หมายถึง การที่แพทย์กระทำหัตถการ(ผ่าตัด)ศัลยกรรมต่อบุรุษหรือสตรีที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ ให้ใบหน้า ผิวพรรณตลอดจนสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีความสวยงามมากขึ้นกว่าเดิมและเป็นที่พึงพอใจต่อบุรุษหรือสตรีผู้นั้น

ทำไมบุรุษและสตรีจึงมีความต้องการที่จะทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย ?

1. บุรุษและสตรีที่เกิดมาจะมีใบหน้า ผิวพรรณ ตลอดจนสัดส่วนของร่างกายที่สวยสดงดงามจริง ๆ มีเพียงประมาณ 10-20 % เท่านั้น

2. แม้ว่าบุรุษและสตรีที่มีใบหน้า ผิวพรรณ ตลอดจนสัดส่วนของร่างกายสวยสดงดงามในขณะที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาวแต่เมื่อย่างเข้าสู่อายุ 40 ปีขึ้นไปก็จะพบว่าความสวยสดงดงามจะลดลงเรื่อย ๆ และจะมีภาพของความเหี่ยวย่นของผิวหนังมาแทนที่สภาพความเต่งตึงของผิวหนัง ซึ่งเป็นภาพที่บุรุษและสตรีไม่พึงประสงค์ จะมีผลทำให้ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง

3. เป็นที่ยอมรับกันว่าบุรุษและสตรีที่มีภูมิความรู้และสติปัญญาที่ใกล้เคียงกัน บุรุษและสตรีที่มีใบหน้า ผิวพรรณ และสัดส่วนของร่างกายที่สวยสดงดงามกว่า จะมีโอกาสหรือได้เปรียบในด้านการเป็นผู้นำของชมรมต่าง ๆ ขณะอยู่ในวัยเรียนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก การได้รับการตอบรับในการสมัครงานในสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเอกชนในแผนกต้อนรับและประชาสัมพันธ์ การได้เป็นพิธีกร นักร้อง นักแสดง ดาราทั้งทางจอแก้วและจอเงินและการได้เลือกคู่ครองดั่งใจนึก มากกว่าบุรุษและสตรีที่ด้อยกว่าในเรื่องของความสวยงามของใบหน้า ผิวพรรณ และสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

4. บุรุษและสตรีที่เกิดมาแล้วไม่สวยไม่หล่อ หุ่นไม่สมารท์ หุ่นไม่อวบอิ่มจะรู้สีกว่ามีปมด้อยและเป็นทุกข์ใจเพราะขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง ถ้ามีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนตนเองให้สวยสดงดงามขึ้นกว่าเดิมได้ ก็คงจะดำเนินการทันที เพราะต้องการให้สังคมยอมรับตนเองมากขึ้น

5. ตามหลักของโหงวเฮ้งของใบหน้าที่คนจีนและคนไทยโบราณเชื่อถือว่าลักษณะของใบหน้าคนบ่งบอกในการจะมีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตลอดจนการจะมีคู่ครองที่ดีขึ้นอยู่กับลักษณะของตา,คิ้ว,จมูก , แก้ม, คาง และหน้าผากที่จะต้องมีความสมดุลกันและถูกต้องตามตำราโหงวเฮ้งโบราณที่ได้รับการยอมรับนับถือกันมายาวนานเป็นร้อยปี

6. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยบางประเภท เป็นการแก้ไขและรักษาโรคด้วย เช่น โรคขนตาแยงตา ทำให้มีอาการอักเสบของเยื่อบุตา มีอาการเคืองตาน้ำตาไหล โรคหนังเปลือกตาบนหย่อนมากแล้วปิดทับขอบตาบน ทำให้เกิดอาการลานสายตาแคบลง(VISUAL FIELD DEFCT) คือการมองภาพที่อยู่ข้างบนและด้านข้างแคบลง และมีอาการลืมตาลำบากขึ้น ควรจะต้องทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยของเปลือกตาบน (COSMETIC UPPER BLEPHARO PLASTY) โรคเต้านมมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก จนทำให้สตรีมีอาการปวดหัวไหล่ และอาจจะปวดหลัง ควรจะต้องทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยลดขนาดเต้านม(COSME TICBREAST REDUCTION) เป็นต้น

ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) มีการผ่าตัดอะไรบ้าง

1. เปลือกตาบน ( COSMETIC UPPER BLEPHAROPLASTY)
2. เปลือกตาล่าง (COSMETIC LOWER BLEPHAROPLASTY)
3. จมูก (COSMETIC RHINOPLASTY)
4. คาง (COSMETIC CHINPLASTY)
5. แก้ม (COSMETIC CHEEKPLASTY)
6. ขมับ (COSMETIC TEMPORALPLASTY)
7. ดึงหน้า (COSMETIC FACE LIFT)
8. เต้านม (COSMETIC MAMMOPLASTY)
9. หน้าท้อง (COSMETIC ABDIMINOPLASTY)

ศัลกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) ที่นิยมทำกันมากที่สุดเรียงตามลำดับในประเทศไทยมีอะไรบ้าง

1. เปลือกตาบน :- ทำตา 2 ชั้น เก็บรอยตีนกา, เพื่อให้ชั้นตาดูสวยงามเหมือนธรรมชาติและดูอ่อนเยาว์วัย และลักษณะดวงตามีเสน่ห์ อีกทั้งเป็นการแก้ไขโรคขนตาแยงตา

2. จมูก :- เสริมจมูกเพื่อให้มีรูปทรงสวยงามเหมือนธรรมชาติ

3. เปลือกตาล่าง :- เพื่อเก็บถุงไขมันใต้ตา, แก้ไขรอยย่นใต้ตาให้มีความสวยงามและดูอ่อนเยาว์วัย อีกทั้งเป็นการแก้ไขโรคขนตาแยงตา

4. คาง :- เสริมคางเพื่อให้ได้สัดส่วนกับใบหน้าและสวยงามเหมือนธรรมชาติ

5. เต้านม :- เสริมเต้านมเพื่อให้ดูอวบอิ่มขึ้นเหมาะสมกับรูปร่างของเจ้าของเต้านมและดู
เหมือนธรรมชาติ

6. ดึงหน้า :- มีหลายประเภทคือ

6.1 ดึงขมับ เพื่อแก้ไขหางคิ้วตก และแก้หางตาหย่อน, ตลอดจนแก้ไขรอยยิ้มที่
เกิดรอยย่นบริเวณหางตามีผลทำให้หางคิ้วดูตรงขึ้น หางตาไม่มีรอยย่น

6.2 ดึงหน้าทั้งหน้า เพื่อแก้ไขรอยย่นร่องแก้ม, รอยย่นมุมปาก, และหนังย่น
บริเวณใต้คาง มีผลทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์วัยลงหลายปีและมีสภาพผิวหนังที่ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น

6.3 ดึงหน้าผาก เพื่อแก้ไขคิ้วหย่อน, คิ้วตก, รอยย่นบนหน้าผากมีผลทำให้
ตำแหน่งคิ้วอยู่ในแนวปกติ ลักษณะเปลือกตาบนสวยขึ้น หน้าผากมีรอยย่นน้อยลง

7. หน้าท้อง เป็นการผ่าตัดผิวหนังและไขมันบริเวณหน้าท้องออกเพื่อแก้ไขอาการท้องลาย ท้องป่อง ท้องยื่น และท้องหย่อนเหี่ยวย่นมีผลทำให้หน้าท้องแบนเรียบ เอวเล็กลงเสมือนท้องเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น หรือก่อนจะมีบุตร มีสัดส่วนของร่างกายที่ดีขึ้น จึงสามารถเลือกใส่เสื้อและกางเกงหรือกระโปรงที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปได้โดยไม่ต้องใส่กางเกงยืดหรือกระโปรงยืดอีกต่อไปทั้งนี้เพราะรูปร่างของเอวและหน้าท้องเล็กลงจากเดิมมาก

8. เสริมขมับ ในบุรุษและสตรีที่มีขมับบุบนั้น ตามหลักของลักษณะโหวงเฮ้ง จะเป็นคนอาภัพ เมื่อได้รับการเสริมขมับแล้วจะทำให้ใบหน้ามีสัดส่วนสวยงามขึ้นและมีโหวงเฮ้งที่ดีขึ้น
ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย (COSMETIC SURGERY) น่ากลัวและเป็นอันตรายหรือไม่
ปกติการทำศัลยกรรมเสริมสวยของใบหน้า (FACIAL COSMETIC SURGERY) นั้นสามารถกระทำได้โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ (LOCAL ANESTHESIA) โดยไม่จำเป็นต้องดมยาสลบหรือให้ยานอนหลับหรือ
ฉีดยานอนหลับได้แก่ ศัลยกรรมเสริมสวยเปลือกตาบน-ล่าง,เสริมจมูก,เสริมคาง, เสริมแก้ม, เสริมขมับ, ดึงหน้า โอกาสที่บุรุษหรือสตรีตั้งแต่วัย 17 ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์อายุเริ่มต้นที่ที่เหมาะสมในการทำศัลยกรรมเสริมสวย จะแพ้ยาชาเฉพาะที่คือ XYLOCAINE นั้น แทบจะไม่มีเลยเพราะปริมาณยาชาที่ใช้นั้น ศัลยแพทย์เสริมสวย(COSMETIC SURGERY) ก็จะไม่ใช้ยาชาเกินปริมาณขนาดที่จะทำอันตรายต่อมนุษย์อย่างแน่นอน ดังนั้นการทำผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยของใบหน้าด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่โดยศัลยแพทย์เสริมสวยที่มีความรู้ความสามารถทักษะ และมีประสบการณ์ยาวนานจึงไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่คนไข้ ทำให้คนไข้มีความมั่นใจมากขึ้นที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมสวยของใบหน้า
แต่สำหรับการทำศัลยกรรมเสริมสวยของเต้านมและหน้าท้อง จำเป็นจะต้องใช้วิธีดมยาสลบ (GENERAL ANESTHESIA) เพราะเป็นการผ่าตัดบริเวณกว้าง ยาชาเฉพาะที่ไม่สามารถครอบคลุมระงับความเจ็บปวดได้หมด การดมยาสลบโดยมีมาตรฐานภายใต้การควบคุมดูแลจากวิสัญญีแพทย์นั้นปลอดภัย ไม่เกิดอันตรายต่อคนไข้เพราะก่อนจะดมยาสลบคนไข้จะต้องได้รับการตรวจร่างกายโดยห้องLAB และ X-RAY ว่าสามารถดมยาสลบได้ วิสัญญีแพทย์จึงจะให้การวางยาสลบ และจะเป็นผู้ดูแลระยะหลังผ่าตัดซึ่งเป็นระยะเพิ่งฟื้นจากยาสลบเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง จึงไม่น่าจะเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นการทำผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยของเต้านมและหน้าท้องด้วยการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์และผ่าตัดโดยศัลยแพทย์เสริมสวยที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และมีประสบการณ์ยาวนานจึงไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่คนไข้ ทำให้คนไข้มีความมั่นใจมากขึ้นที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมสวยของเต้านมและหน้าท้อง
ในส่วนของความสวยงามที่จะทำให้เป็นที่ถูกใจแก่บุรุษและสตรี ตลอดจนการไม่เกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยนั้นขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถ ทักษะและประสบการณ์ของศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยที่คุณจำเป็นจะต้องเลือกศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยด้วยตัวของคุณเอง
การจะทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย คุณควรจะตัดสินใจเลือกศัลยแพทย์ผู้ใดเป็นผู้ทำให้คุณเพื่อให้มีใบหน้าสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติ มีสัดส่วนของร่างกายสวยงามถูกใจคุณและทำให้คุณเกิดความประทับใจในภาพลักษณ์ใหม่ของใบหน้าและสัดส่วนของร่างกาย จึงขอเสนอวิธีการและขั้นตอนดังนี้

1. คุณจะต้องศึกษาและเคยเห็นผลงานการทำศัลยกรรมเสริมสวยของศัลยแพทย์ผู้นั้นจริง ๆ จากภาพถ่ายของบุรุษและสตรีที่เคยได้รับการทำศัลยกรรมเสริมสวยมาแล้ว และถ้าจะให้ดีที่สุด คุณควรจะต้องเคยเห็นผลงานของศัลยแพทย์ผู้นั้นบนใบหน้าหรือรูปร่างของบุรุ ษและสตรีด้วยตาของคุณเอง จากคนไข้จริง ๆ อีกทั้งคุณสามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากคนไข้ผู้ที่เคยได้รับการทำศัลยกรรมเสริมสวยมาแล้วด้วยตัวคุณเอง จนคุณเกิดความมั่นใจ ที่สำคัญคืองานศัลยกรรมเสริมสวยของศัลยแพทย์บนใบหน้าของบุรุษและสตรีที่คุณได้เห็นจริงนั้นสวยงามและแลดูเป็นธรรมชาติถูกใจคุณหรือยัง ถ้ายังไม่ถูกใจคุณควรเลือกศัลยแพทย์คนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่จำเป็นจะต้องรีบด่วนตัดสินใจ เพราะการทำศัลยกรรมเสริมสวยมิใช่เป็นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บแต่อย่างใด ถ้าหากคุณพบศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยที่ถูกใจคุณก็ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ2.ต่อไป สำหรับข้อ 1. นี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด ถ้าหากคุณเลือกศัลยแพทย์ที่ทำศัลยกรรมเสริมสวยให้คุณแล้วไม่สวยงามแลดูเป็นธรรมชาติถูกใจตัวคุณเอง ตัวคุณเองก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาทันทีขอแนะนำว่างานศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยนั้นเป็นงานศิลปะชั้นสูงที่จะต้องได้ศัลยแพทย์ที่ผ่าตัดเก่งและมีประสบการณ์มายาวนาน มีผลงานบนใบหน้าและเรือนร่างของคนไข้ที่สวยงามเป็นจำนวนมาก ศัลยแพทย์เสริมสวยจะต้องมีความปราณีตและละเอียดอ่อนในทุกขั้นตอนของการทำผ่าตัด และที่สำคัญมากอีกประการหนึ่งคือ ศัลยแพทย์เสริมสวยผู้นั้นจะต้องมีจิตวิญญาณของนักศิลปะเพื่อความงามหรือมีพรสวรรค์ในงานศิลปะเพื่อความงามอย่างสูงอยู่ด้วย(คล้ายนัก-ประติมากรรมปั้นรูป) งานศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยจึงจะออกมาในรูปแบบที่สวยงามแลดูเป็นธรรมชาติและเป็นที่ถูกใจต่อบุรุษและสตรีที่ต้องการทำศัลยกรรมเสริมสวย

2. คุณจะต้องสอบถามข้อมูลในเรื่องขั้นตอนของการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด วิธีการผ่าตัดของศัลยแพทย์เสริมสวย การติดตามผลลัพธ์ของการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด ตลอดจนคำแนะนำในการดูแลตนเองหลังผ่าตัด การรับทราบและยอมรับข้อดีและข้อเสียหรือโรคแทรกซ้อนบางประการของการผ่าตัดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำการผ่าตัดเป็นอย่างดีที่สุดแล้ว โดยปกติศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยจะต้องบอกข้อมูลดังกล่าวให้คุณจนเป็นที่เข้าใจก่อนจะตัดสินใจรับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยจากศัลยแพทย์ผู้นั้น และคนไข้จะต้องเซ็นใบยินยอมอนุญาตให้สามารถผ่าตัดได้ก่อนที่ศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำการผ่าตัด

3. คุณจะต้องสอบถามราคาค่าผ่าตัด ซึ่งอาจจะมีราคาแตกต่างกันในแต่ละสถานที่ทำศัลยกรรมเสริมสวย และโปรดกรุณาอย่าตัดสินใจเลือกศัลยแพทย์เสริมสวยที่จะผ่าตัดบนใบหน้าหรือร่างกายของคุณด้วยเพียงเงื่อนไขเรื่องราคาเช่น คุณตัดสินใจผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยเพียงเพราะราคาถูกที่สุดเท่าที่คุณสืบถามราคามา หรือคุณตัดสินใจผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยเพียงเพราะราคาแพงที่สุด แต่ข้อเท็จจริงคือ ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานมากกว่าราคาค่าผ่าตัดจะสูงกว่าศัลยแพทย์ที่เพิ่งเริ่มต้นทำศัลยกรรมเสริมสวยเหมือนอาชีพ PROFESSIONAL อื่น ๆ เช่น นักบริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์มายาวนานจะมีค่าตัวสูงกว่านักบริหารที่เพิ่งเริ่มต้นจับงานบริหารใหม่ ๆ ดังนั้นเรื่องราคาถูกหรือแพงจึงไม่สำคัญเท่าคุณจะต้องเคยเห็นผลงานของศัลยแพทย์เสริมสวยผู้นั้นมาแล้วจริง ๆ จากตัวคนไข้จริง ๆ และคุณจะต้องพิจารณาด้วยตนเองว่าศัลยแพทย์ผู้นั้นสามารถทำให้คุณสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติและถูกใจคุณหรือไม่

4. คุณจะต้องสอบถามการติดตามดูแลผลลัพธ์หลังผ่าตัดของศัลยแพทย์ว่าเป็นอย่างไรโดยปกติควรจะมีการนัดหมายให้คุณมาพบศัลยแพทย์เป็นระยะ ๆ เช่น ทุก ๆ 1-2 เดือน จนครบระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน (ระยะเวลาประมาณ 3 -6 เดือนจะเป็นระยะเวลาที่ทางการแพทย์ยอมรับว่าการยุบบวมและรอยแผลเป็นแผลต่าง ๆ หายดีเกือบสมบูรณ์แล้ว)
ข้อ 1. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเปลือกตาบน ( COSMETIC UPPER BLEPHAROPLASTY)

ข้อบ่งชี้ลักษณะของเปลือกตาบนที่สมควรจะมาทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย

1. เปลือกตาบนไม่มีชั้นตาที่ชัดเจน(ไม่มีชั้นตาหรือชั้นตาหลบในมองไม่เห็นขนตา) ชั้นตา 2 ข้างไม่เหมือนกัน

2. เปลือกตาอูม(มีถุงไขมันใต้เปลือกตา)และไม่มีชั้นตา

3. เปลือกตาบนมีหนังตาหย่อนห้อยลงมาปิดดวงตา โดยเฉพาะหางตาทำให้ลักษณะตาเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีผลทำให้ลานสายตาแคบคือ การมองภาพที่อยู่ด้านบนและด้านข้างแคบลง

4. มีรอยตีนกา คือมีหนังหย่อนบริเวณหางตาและบริเวณที่เลยหางตา เวลายิ้มจะมีรอยพับของหนังตาหย่อนบริเวณหางตาเป็นรอยจีบย่น บางรายมีรอยจีบย่นหลายรอย

5. ขนตาบนแยงตา ซึ่งจะมีผลทำให้เยื่อตาอักเสบมีอาการเคืองตาตลอดเวลา และมีน้ำตาไหลซึม
โรคแทรกซ้อนของการทำศัลยกรรมเสริมสวยเปลือกตาบน

1. เปลือกตาบนบวมนาน อาจมีรอยซ้ำหรืออาจมีอาการปวด แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 เดือน โดยมากแพทย์จะแนะนำให้มีการประคบเย็นร่วมด้วยหลังผ่าตัด

2. แผลผ่าตัดติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่รุนแรง อาจจะมีเพียงบางจุดของแผลผ่าตัดติดเชื้อเล็กน้อย ศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำแผลให้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็เป็นปกติ

3. ชั้นตาไม่เท่ากันหรือชั้นตาไม่สวย คนไข้จะต้องปรึกษาศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดหลังจากการยุบบวมเป็นที่เรียบร้อยประมาณ 3 เดือน เพื่อที่ให้ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดเป็นผู้พิจารณาว่าสมควรแก้ไขหรือไม่

ข้อ 2. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเปลือกตาล่าง (COSMETIC LOWER BLEPHAROPLASTY)
ข้อบ่งชี้ลักษณะของเปลือกตาล่างที่สมควรจะมาทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวย

1. เปลือกตาล่างที่มีความนูนยื่นออกมาจากการที่มีถุงไขมันใต้ตาล่างยื่นหย่อนออกมา
จากภาวะพันธุกรรมหรือเมื่อสู่วัยสูงอายุ

2. เปลือกตาล่างมีรอยย่นยับมีรอยจีบของหนังตา เวลายิ้มขอบหนังตาล่างจะนูนป่องออกมา และมีรอยย่นเป็นจีบหรือเป็นแฉกออกจากหางตาล่าง
โรคแทรกซ้อนของการทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเปลือกตาล่าง

1. เปลือกตาล่างบวมนาน อาจมีรอยซ้ำหรือมีอาการปวด แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 เดือน โดยมากแพทย์จะแนะนำให้มีการประคบเย็นร่วมด้วยหลังผ่าตัด

2. แผลผ่าตัดติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่รุนแรง อาจจะมีเพียงบางจุดของแผลผ่าตัดติดเชื้อเล็กน้อย ศัลยแพทย์เสริมสวยจะทำแผลให้ประมาณ1-2 สัปดาห์ก็เป็นปกติ

3. เปลือกตาล่างอ้าออก หรือเปลือกตาล่างไม่ได้ประกบติดเยื่อบุตา อาจเกิดจากการบวมหลงเหลืออยู่ โดยมากแพทย์จะให้รอการยุบบวมประมาณ 3 เดือน หากยังมีอาการอยู่คนไข้ควรสอบถามศัลยแพทย์เสริมสวยที่ทำการผ่าตัดให้พิจารณาแก้ไขหรือไม่
ข้อ 3. การทำศัลยกรรมเสริมสวยของจมูก (COSMETIC RHINOPLASTY)
โดยทั่วไปจมูกของคนไทยและคนจีนนั้นโดยมากจะมีลักษณะดั้งจมูกแบนเหมือนอานม้า บางรายเป็นจมูกชนิดที่แบนมาก ๆ จนรูปใบหน้าทางด้านข้างเป็นรูปเว้าเข้า ดังนั้นการแก้ไขจมูกแบนนั้นต้องใช้วิธีการผ่าตัดเสริมจมูก (COSMETIC AUGMENTATIONRHINOPLASTY) จึงจะทำให้จมูกดูโด่งและสวยงามได้รูปทรงเหมือนธรรมชาติ
วัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมจมูกนั้น ในปัจจุบันใช้สารซิลิโคนแท่ง (SILICONE BLOCK) ที่มีความหนาแน่นของเนื้อซิลิโคนแตกต่างกันซิลิโคนแท่งจึงมีทั้งชนิดแข็งมาก แข็งน้อย และนิ่มมากไว้สำหรับให้ศัลยแพทย์เลือกใช้กับคนไข้ต่าง ๆ ซึ่งคนไข้บางคนควรจะใช้ชนิดแข็งบางคนควรจะใช้ชนิดนิ่มมาก สารซิลิโคนเป็นสารที่ยอมรับในวงการแพทย์ทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยต่อเนื้อเยื่อของมนุษย์สามารถนำมาฝังในเนื้อเยื่อของร่างกายได้โดยไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน(REJECTION) หรือ
ปฏิกิริยาขับสารซิลิโคนอกจากร่างกาย ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง ศัลยแพทย์เสริมสวยจึงนำ SILICONE BLOCK มาทำการเหลาให้เป็นรูปร่างต่าง ๆกัน ตามที่ต้องการจะใช้เสริมส่วนใดหรืออวัยวะใดในร่างกาย เช่น เสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้มเป็นต้นสำหรับซิลิโคนเหลวที่ใช้ฉีดเข้าส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่ขอแนะนำเนื่องจากมีข้อดีเพียงข้อเดียวคือ การฉีดทำได้ง่ายกว่าการผ่าตัดอีกทั้งราคาค่าฉีดซิลิโคนอาจจะถูกกว่าการผ่าตัด แต่ข้อเสียมีมากมายคือ ซิลิโคนเหลวเป็นของไหลได้จึงมีการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นที่อยู่ข้างเคียงบริเวณที่ฉีด ทำให้รูปทรงบริเวณที่ฉีดเสียรูปทรงไป พร้อมกับบริเวณที่ไม่ได้ฉีดก็มีรูปทรงแปลก ๆ เกิดขึ้น สารซิลิโคนเหลวที่อยู่ใต้ผิวหนังจะขัดขวางเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนังทำให้สุขภาพผิวหนังบริเวณที่ฉีดขาดเลือดมาเลี้ยงตามปกติ ทำให้สุขภาพผิวหนังเปลี่ยนแปลงไปเป็นสีม่วงคล้ำ หรือเป็นรอยแดง
และบางครั้งซิลิโคนเหลวไหลทะลุออกมาบนผิวหนังได้ ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง เกิดเป็นแผลเรื้อรังได้ นอกจากนี้ผู้ที่ถูกฉีดสารซิลิโคนเหลวแล้วเกิดปัญหาดังกล่าว และต้องการจะเอาออก ศัลยแพทย์เสริมสวยก็ไม่สามารถจะผ่าตัดเอาออกได้หมด จึงเป็นปัญหาที่ยังมีสิ่งแปลกปลอมคั่งค้างอยู่ในร่างกาย
สำหรับซิลิโคนที่ใช้เสริมเต้านมจะเป็นถุงที่ทำจากซิลิโคนที่เป็นแผ่นบาง ๆ และภายในถุงอาจจะบรรจุน้ำเกลือปราศจากเชื้อหรืออาจจะบรรจุซิลิโคนเหลวอยู่ภายในถุง ซึ่งไม่สามารถจะซึมรั่วออกจากถุงได้ จึงไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ถ้าหากคน ไข้ได้รับ อุบัติเหตุถุงซิลิโคนเสริมเต้านมแตก เพียงแต่คนไข้จะต้องมาพบศัลยแพทย์เสริมสวยเพื่อเอาถุงซิลิโคนเก่าออกและใส่ถุงซิลิโคนใหม่เ ข้าไปแทนที่ คนไข้ก็จะมีเต้านมที่ได้รับการเสริมเต้านมเหมือนเดิม
ซิลิโคนแท่งและถุงซิลิโคนเสริมเต้านมเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น มีทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศแถบยุโรป เช่น ประเทศฝรั่งเศส ประเทศแถบเอเซีย เช่นประเทศเกาหลี ประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีน ซึ่งมีคุณภาพคล้าย ๆ กัน

ข้อดีของการผ่าตัดโดยใช้ซิลิโคนแท่งเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้ม

1. ศัลยแพทย์เสริมสวยสามารถกำหนดรูปทรงของอวัยวะที่ต้องการเสริมได้โดยการเหลาแท่งซิลิโคน ให้เป็นรูปร่างต่าง ๆกัน ตามชนิดของการผ่าตัด บางโรงงานที่ผลิตสารซิลิโคนก็พิมพ์รูปซิลิโคนเป็นรูปที่ใช้สำหรับเสริมจมูก, เสริมคาง, เสริมขมับ และเสริมแก้ม เป็นชนิดสำเร็จรูปมาเลย

2. ถ้าหากในอนาคตคนไข้เจ้าของจมูก แก้ม ขมับ และคางที่ได้รับการทำศัลยกรรมเสริมสวยมาแล้วเกิดไม่พอใจ ก็สามารถให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดถอดออกได้หมดทั้งอัน โดยไม่มีเศษวัสดุเหลือทิ้งไว้ในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยมากกว่าการฉีดซิลิโคนเหลวซึ่งไม่สามารถผ่าตัดออกได้หมด
การที่จะได้รูปร่างและรูปทรงของจมูก คาง ขมับ และแก้ม ภายหลังการผ่าตัดเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้ม ที่มีลักษณะสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับ 1. รูปทรงของซิลิโคนแท่งที่ศัลยแพทย์แต่ละท่านเหลา(เป็นงานศิลปะชั้นสูง)และ 2. วิธีการผ่าตัดของศัลยแพทย์แต่ละท่าน ดังนั้นถ้าคุณอยากได้จมูกสวยงาม คางสวยงาม ขมับสวยงาม และแก้มสวยงาม แลดูเป็นธรรมชาติ คุณจะต้องศึกษาและเคยเห็นผลงานของศัลยแพทย์ผู้นั้นบนใบหน้าของบุรุษและสตรีที่เคยได้รับการผ่าตัดเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้มมาจริง ๆ และควรจะต้องใช้มือของคุณลูบคลำดูบริเวณดั้งจมูก คาง ขมับ และแก้มของผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมาแล้วว่ามีความเนียนและแนบไปกับผิวหนังโดยคลำไม่พบรอยต่อและมองไม่เห็นชัดเจนว่าเป็นแท่งซิลิโคนวางอยู่ข้างใน จึงจะเป็นลักษณะจมูก, คาง, ขมับ และแก้มที่แลดูเหมือนธรรมชาติ

ข้อเสียของการผ่าตัดโดยใช้ซิลิโคนเสริมจมูก ,เสริมคาง,เสริมขมับ และเสริมแก้ม

1. การติดเชื้อ

2. จมูกหรือคางไม่ตรง หรือเบี้ยวเอียง ทั้งนี้ต้องขึ้นกับว่าพื้นฐานเดิมของจมูกหรือคางของบุรุษและสตรีผู้นั้นว่ามีจมูกหรือคางไม่ตรงตั้งแต่เดิมหรือไม่

3. จมูกหรือคางมีการอักเสบ บวมแดง

4. ซิลิโคนเบียดหนังจมูกจนบาง และบางรายอาจจะบางมากจนสังเกตุได้ว่าผิวหนังบนจมูกดูบางใส
สำหรับข้อเสียของการเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับ และเสริมแก้มด้วยซิลิโคนข้างต้นนี้ คุณมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษางานศัลยกรรมเสริมสวยของศัลยแพทย์ให้รอบคอบ
โดยเฉพาะควรจะเห็นตัวอย่างคนไข้ที่เคยได้รับการเสริมจมูก เสริมคาง เสริมขมับและเสริมแก้มจากศัลยแพทย์ผู้นั้น ด้วยตาของคุณเองและควรจะต้องได้ลูบคลำจมูกผู้นั้นว่ามีความเนียนปราศจากรอยต่อและจมูกหรือคางแลดูเป็นธรรมชาติหรือไม่ก่อนตัดสินใจให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดให้คุณ ข้อนี้คุณจะต้องเลือกศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยให้ถูกใจคุณอย่างมากจะเป็นการดีที่สุด

ข้อ 4. ศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยเต้านม (COSMETIC MAMMOPLASTY)

ข้อบ่งชี้ในการทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยของเต้านม

สตรีที่มีเต้านมเล็กหรือมีลักษณะหน้าอกแบนราบคล้ายผู้ชาย
สตรีที่มีเต้านมสองข้างมีขนาดแตกต่างกันมาก
สตรีที่มีเต้านมคล้อยหย่อน หรือเต้านมยาน
ศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยจะใช้ถุงซิลิโคนที่บรรจุน้ำเกลือปราศจากเชื้อหรือถุงซิลิโคน
ที่บรรจุซิลิโคนเหลว เสริมเต้านมโดยมีการผ่าตัดในทั้งทางรักแร้ หรือลานหัวนม หรือใต้ฐานนม โดยขึ้นอยู่กับลักษณะเต้านมของคนไข้และความพึ่งพอใจของคนไข้ที่จะเลือกผ่าตัดโดยวิธีใด และเลือกจะใช้ถุงซิลิโคนประเภทใด

ข้อ 5 การผ่าตัดหน้าท้อง (COSMETIC ABDIMINOPLASTY)

ข้อบ่งชี้ในการทำศัลยกรรมเพื่อการเสริมสวยของหน้าท้อง

สตรีที่ผ่านการมีบุตรมาแล้ว และได้ทำหมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สตรีที่มีหน้าท้องยื่นหย่อนหรือหน้าท้องยาน หรือหน้าท้องมีรอยเหี่ยวย่น หรือหน้าท้องมี
รอยแตก ทำให้บริเวณหน้าท้องไม่สวยงาม

3. บุรุษหรือสตรีที่มีหน้าท้องใหญ่ ท้องป่อง
ศัลยแพทย์เพื่อการเสริมสวยจะใช้ดุลยพินิจในการดูดไขมันหรือผ่าตัดผิวหนังหรือไขมันหน้าท้องของคนไข้ออก ขึ้นอยู่กับลักษณะของหน้าท้องคนไข้ และความพึ่งพอใจของคนไข้ที่จะเลือกผ่าตัดวิธีใด

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ศัลยกรรมตกแต่ง

ทำสวย หล่อด้วยมือหมอ
การทำศัลยกรรมความงาม
ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง
ในการแก้ไขจุดบกพร่อง
ทั้งใบหน้าและร่างกายให้
สวยงามอย่างที่ใจปราถนา
ในปัจจุบันการศัลยกรรม
ความงามกำลังได้รับความ
นิยมเป็นอย่างมากและมาก
ขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ก็ทำให้ความเสี่ยงลดน้อยและยังช่วยลดระยะเวลาและการผ่าตัดรวมถึงความเจ็บปวด และที่สำคัญคือการดูดีอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย คนส่วนใหญ่เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมความงาม ก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ทำให้รูปร่างหรือหน้าตาที่ตนเองคิดว่าเป็นจุดบกพร่องได้รับการปรับปรุงแก้ไข บางคนไม่ชอบจมูกของตนเองที่ไม่ค่อยโด่งเท่าที่ควร ก็เข้ารับการผ่าตัดเสริมดั้งจมูกและใบหน้าของตนเองมากขึ้น หรืออาจไม่พอใจกับขนาดของหน้าอกของตัวเอง จึงเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มขนาดหน้าอก และเมื่อหน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นก็เกิดความพอใจ สามารถแต่งตัวและเลือกใส่เสื้อผ้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้นเช่นกัน

ศัลยกรรมตกแต่งช่วยอะไรท่านบ้าง

ชาวบ้านทั่วไปมักจะเข้าใจว่าศัลยกรรมตกแต่งก็คือศัลยกรรมที่ทำแต่เฉพาะตาสองชั้น เสริมจมูก ดึงหน้าดูดไขมัน เป็นต้น แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ศัลยกรรมตกแต่งเป็นศัลยกรรมที่มีขอบข่ายในการผ่าตัดดูแลรักษาผู้ป่วยค่อนข้างกว้างขวางมาก รวมทั้งการแก้ไขความพิการแต่กำเนิด เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ เกิดมามีใบหน้าผิดรูป , ศัลยกรรมทางมือในผู้ป่วยอุบัติเหตุ, ความพิการปกติทางมือแต่กำเนิด, การดูแลรักษาผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก การดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่คอ,ปาก,ผิวหนัง ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุมีบาดแผลที่หน้าและกระดูกหน้า กรามหัก, ทางด้านจุลศัลยกรรม การผ่าตัดด้วยกล้องจุลทรรศน์ เช่นการต่อนิ้วมือ รวมทั้งการย้ายเนื้อเยื่อจากที่หนึ่งไปปิดอวัยวะอื่นที่เนื้อขาดหายไป โดยการต่อเส้นเลือดและเส้นประสาท และสาขาสุดท้ายเป็นศัลยกรรมเสริมสวย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน ของศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง

การทำศัลยกรรมเสริมสวยให้ได้ผลดี และมีการพัฒนาวิธีการผ่าตัดใหม่ๆได้ แพทย์ควรจะได้รับการฝึกอบรมในด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างให้ครบทุกสาขาวิชาที่แพทยสภากำหนด และได้รับวุฒิบัตร หรืออนุมัติบัตร รับรอง ความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง

โดยสรุปศัลยกรรมตกแต่ง แบ่งเป็นสาขาได้ ๗ สาขาวิชา

สาขาที่ ๑ ศัลยกรรมที่แก้ไขความพิการแต่กำเนิด เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ ใบหน้าผิดรูป
สาขาที่ ๒ ศัลยกรรมทางมือ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุ ทางมือจากโรงงาน รถยนต์
สาขาที่ ๓ ได้แก่ การรักษาผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
สาขาที่ ๔ ได้แก่ การรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่หน้าและคอ
สาขาที่ ๕ การดูแลผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บกระดูกหักที่หน้า ส่วนใหญ่จากอุบัติเหตุรถยนต์
สาขาที่ ๖ ได้แก่ จุลศัลยกรรม การผ่าตัดด้วยกล้องจุลทัศน์ เช่น การต่อนิ้วมือผู้ป่วย
สาขาที่ ๗ ได้แก่ ศัลยกรรมเสริมสวย และความงาม

ศัลยกรรมมาแรง..ดาราแห่อัพสวยด้วยมือหมอ (สกู๊ปพิเศษ)
สุภาษิตที่ว่า “ไก่งามเพราะขน..คนงามเพราะแต่ง” ยังใช้ได้ดีในยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะกับคนในวงการบันเทิง ที่ขยันสรรหามาเสริมเติมแต่งรักษาความสาวความสวยเอาไว้อย่างสุดชีวิต โดยเฉพาะความสวยเซ็กซี่ที่ได้จากมีดหมอ ขอบอกว่าตอนนี้กำลังฮิตและอินเทรนด์สุดๆ เริ่มตั้งแต่นักแสดงร่างอวบน่าฟัด “แนน-ปรางค์วลัย เทพสาธร” ที่ขยันเดินเข้าออกโรงพยาบาลให้คุณหมอโมดิฟายด์เต้าจิ๋วให้บึ้มทันใจ เพราะถึงฤดูกาลอวดหุ่นถ่ายชุดว่ายน้ำทีไร เป็นต้องอับอายเพราะฟองน้ำโผล่แพลม ออกมาประจานให้ชาวบ้านรู้กันทั่วหน้า ว่าอึ๋มได้เพราะมีตัวช่วย เลยต้องวิ่งโร่มาให้คุณหมอเสกสวยให้รู้แล้วรู้รอด เรียกว่านอกจากจะสวยเซ็กซี่สมใจปรารถนาแล้ว งานยังวิ่งเข้าชนโครมครามทั้งงานแสดง งานถ่ายแบบ ทำเอารับทรัพย์แทบไม่หวาดไม่ไหว




คนต่อมาม่ายสาวหุ่นเซ็กซี่ที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตา ถึงแม่จะให้มาแค่ไซด์มินิ แต่ด้วยความเชื่อมั่นก๋ากั่นตามประสาสาวยุคโมเดิร์นแล้วล่ะก็ ต้องหากลวิธีที่จะอัพสวยไม่ให้ตกเทรนด์ว่างั้น เรียกว่าออกจอเมื่อไรเป็นต้องฮือฮากันเป็นแถว นั่นก็คือม่ายสาวคนสวย “ษา-วรรณษา ทองวิเศษ” เมื่อก่อนเคยถูกหมอเถื่อนฉีดซิลิโคนจนคางย้วยแทบเสียศูนย์ แต่พอมาเจอคุณหมอฝีมือดีของโรงพยาบาลบางมด เสริมเต้าให้จนกลายเป็นสาวทรงบะละฮึ่ม ทำให้รู้สึกดีกับการทำศัลยกรรมกลับมาทันที และเพราะติดใจจากการทำอก เธอเลยให้คุณหมอกรีดตาเพิ่มคมคาย กลมโตบ้องแบ๊วอีกครั้ง เรียกว่าไปไหนมาไหนชีมั่นใจสุดๆ เพราะไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรก็ดูดีดูดีไปซะหมด จากที่เคยพึ่งยกทรงฟองน้ำให้เป็นพระเอก ตอนนี้ก็เลยเชิดใส่เพราะหมอทำให้อะร้าอร่ามดูดีอย่าบอกใคร

งานนี้นักแสดงสาวร่างเล็ก “หลิน-พัชร์พิชา ปวันรักษ์วงษ์” ที่อยากมีอะไรๆ ใหญ่กับเขาบ้าง ต้องรีบกระแซะเข้ามาถามไถ่ข้อมูลทันที เพราะเบื่อมินิไซด์ของตัวเองเต็มแก่ ก็เลยแวะไปให้คุณหมอบางมดคนเดิมเติมเต้าให้เด้งดึ๋ง ทั้งที่กลัวมีดสุดชีวิต แต่เมื่อคิดแล้วว่าคุ้มจึงลงทุนข่มความกลัว คว้าหัวใจกล้าแกร่งไปนอนให้คุณหมอใช้เทคนิคใหม่ล่าสุด ในการผ่าตัดเพิ่มขนาดจนกลายเป็นสาวเซ็กซี่ถ่ายหวิวแล้วไม่อายใคร...


ว่าแล้ว “อูม-วิยะดา อุมารินทร์” ก็เลยเข้าคิวรับบริการสวยกับเขาอีกคน ด้วยการให้คุณหมอลงมีดกำจัดริ้วรอยตีนกาที่มากวนใจให้หายไปในบัดดล แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ออกมาทำเอาหลานที่บ้านไม่กล้าเรียกคุณย่าอีกต่อไป เพราะความสาวความสวยที่ได้รับ ดูอ่อนเยาว์ลงไปเป็นสิบปี เป็นความภาคภูมิใจสุดขีด เรื่องของความสาวความสวยอิสตรีไม่ว่าประเทศใดในโลก เป็นต้องแสวงหาและนำมาพัฒนาปรับปรุงตัวเองให้ดูดี๊..ดูดี ถึงแม้จะเจ็บตัวกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้มา คนอยากสวยก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเกินคุ้มค๊า.. เอาล่ะใครจะสวยด้วยวิธีไหนจะเป็นครีมบำรุง ที่ต้องพอกกันจนหน้าขาววอกเป็นลิง หรือวิ่งไปหาหมอให้ทำสวยในพริบตา ก็ต้องใช้วิจารณญาณเลือกอย่างรอบคอบเหมาะสมก็แล้วกัน..

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ศัลยกรรมสไตล์เกาหลี... ฮิตฮอตมาแรงจริงๆ!!

สวยด้วยมีดหมอ ไม่ได้เป็นกระแสฮอตเฉพาะในหมู่แวดวงคนบันเทิง ดารา นางแบบ นักร้อง หรือนางงาม ที่ต้องหากินอยู่กับความสวยความงามเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ กระแสนิยมการทำศัลยกรรมเสริมความงาม กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นวัยทีน ที่ร่ำร้องอยากสวยใสแบบสาวเกาหลี...ซะเหลือเกิน!!

คำยืนยันจากศัลยแพทย์มือหนึ่งของเมืองไทย นพ.ปรีชา เตียวตรานนท์ หัวหน้าทีมศัลยแพทย์ตกแต่ง แผนกศัลยแพทย์ตกแต่ง โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ฉายให้เห็นแนวโน้มว่า สมัยก่อนการทำศัลยกรรมยังจำกัดอยู่ในกลุ่มแวดวงบันเทิง รวมถึงสาวประเภทสอง แต่ระยะหลังมานี้ ความนิยมในการทำศัลยกรรมเริ่มแพร่กระจายไปในกลุ่มสาวทำงาน มีจำนวนมากที่เก็บเงินเก็บทองมาทำตาสองชั้น, เสริมจมูก และที่น่าแปลกใจคือ ในระยะ 10 ปีมานี้ สาวไทยนิยมทำหน้าอกเพิ่มความอึ๋มกันเยอะขึ้นมาก จาก 0% พุ่งขึ้นเป็น 100% เพียงแต่ยังปกปิดเป็นความลับ เพราะถือเป็นจุดที่น่าอายที่สุด

ไม่เฉพาะแต่สาวทำงานเท่านั้น แม้แต่กลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ก็หันมานิยมการทำศัลยกรรม!! คุณหมอปรีชา เล่าว่า ในช่วง 2-3 ปีนี้ มีเด็กวัยรุ่นมาทำศัลยกรรมกับหมอเยอะมาก แต่กลุ่มนี้จะค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาอย่างดี เข้าใจและรู้หมดว่าตัวเองกำลังทำอะไร อย่างบางคนอายุแค่ 15-16 ปี ก็ขอเสริมหน้าอกแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะนิยมเสริมหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นแค่คัพเดียว ไม่ต้องการไซส์มโหฬาร การทำหน้าอกมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีและหลายราคา สมัยก่อนเสริมหน้าอก เสียค่าใช้จ่าย 25,000 บาท แต่สมัยนี้ราคาพุ่งขึ้นเป็น 120,000-150,000 บาท ถ้าทำจมูกก็ตกราว 15,000-30,000 บาท จากสมัยก่อน ทำจมูกคิดแค่ 3,000 บาท



ส่วนการทำศัลยกรรมแปลกๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกัน คุณหมอปรีชาก็ได้แสดงฝีมือมาเยอะแล้วไม่ว่าจะเป็น การเสริมก้นให้อวบอิ่ม ทำโดยผ่าร่องก้นตรงกลาง แล้วสอดถุงซิลิโคนเข้าไปในแก้มก้นทั้ง 2 ข้าง สนนราคาอยู่ที่ 150,000 บาท อีกเคสที่น่าสนใจก็คือ การผ่าตัดแปลงเพศเปลี่ยนผู้หญิงเป็นผู้ชาย!! อันนี้นิยมทำในหมู่ทอมญี่ปุ่น เริ่มต้นคุณหมอจะให้คุยกับจิตแพทย์จนแน่ใจว่าอยากเป็นผู้ชายจริงๆ จากนั้นให้ฮอร์โมนเพศชายต่อเนื่องกัน 6 เดือน เพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อม เมื่อถึงเวลาผ่าตัด หมอจะเริ่มจากการตัดมดลูก, ตัดรังไข่ และปิดช่องคลอด แล้วจึงทำอวัยวะเพศชาย โดยใช้หนังและเส้นประสาทจากแขนคนไข้ หรือหน้าท้อง มาหุ้มซิลิโคนทำเป็นอวัยวะเพศชายและไข่ ผลที่ได้รับก็คือ ยืนปัสสาวะได้, มีอวัยวะเพศเหมือนกับจู๋ของเด็ก และสามารถร่วมเพศได้ แต่ไม่มีความรู้สึกเหมือนชายแท้ การผ่าตัดแบบนี้เสียค่าใช้จ่ายราว 300,000 บาท คนไข้ต้องทานฮอร์โมนเพศชายตลอดชีวิต


อย่างไรก็ดี คุณหมอปรีชากล่าวย้ำว่า การทำศัลยกรรมไม่มีอันตรายอย่างที่คิด ถ้าทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และใช้ซิลิโคนแบบเพียวริไฟล์ สำหรับทางการแพทย์จริงๆ พักฟื้นแค่อาทิตย์เดียว ก็กลับไปทำงานได้ ส่วนที่มีข่าวจมูกเน่า หรือนมเน่า ส่วนใหญ่เกิดจากคลินิกเถื่อน ใช้ซิลิโคนผิดประเภท เช่น เอาซิลิโคนรถยนต์มาใส่ให้คนไข้ ถ้าอยากทำศัลยกรรม ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีถึงผลดีผลเสีย เพราะการทำศัลยกรรมคือการผ่าตัด ไม่ใช่การเสริมสวย ยังไงก็มีความเสี่ยงในตัวเอง!!