
วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ก็เพราะใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวเปรียบเสมือนผืนผ้าแคนวาส M.A.C. จึงเตรียมสีสันมาให้เลือกแต่งแต้มได้อิสระตามจินตนาการ ซีซั่นนี้มาพร้อม 5 ลุคเด่น ได้แก่ ARTSY ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะหลากหลายแขนง ตั้งแต่โมเนท์ จนถึงยุคโมเดิร์นนิส, โกแกง และกราฟฟิตี้...แรงไม่แพ้กันทั้งสีสันและคอนเซปต์ ต้องยกให้ลุคสุดแกลม GLAMODRAMA นำเสนอจินตนาการไร้ขีดจำกัด ทำให้คุณได้สวยแบบเหนือจริง ด้วยแรงบันดาลใจจากดนตรีแนวร็อก, พังก์, ดิสโก้, บทกวี และการ์ตูนดังแห่งยุค... อิทธิพลจากยุค 70s ก็มีให้เห็นในคีย์ลุคสำคัญของ M.A.C. เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลุค SEVENTEASE เชิดชูภาพสาวร็อกสุดเท่แห่งยุคเซเว่นตี้ส์ ในโทนสีขรึม และลุคอินโนเซนต์ HONED ชวนให้หวนคำนึงถึงความสดใสของวัยสาว ดูบางเบาเป็นธรรมชาติมากที่สุด เน้นการเล่นแสงเงาตามโครงหน้า ได้อินสไปเรชั่นจากสาวปารีเซียงคนดังแห่งยุค 70s...อีกหนึ่งลุคฮอตยังรวมถึง DEVINE มีไฮไลต์เด่นเป็นริมฝีปากสีแดงเบอร์รี่ ที่กำลังร้อนแรงไปทั่วทุกแคตวอล์ก

“BOBBI BROWN” เสน่ห์จากปกหนังสือเก่า

ใครจะนึกล่ะคะว่า ปกหนังสือเก่าๆในห้องสมุด ก็กลายเป็นอินสไปเรชั่นในการสร้างสรรค์ เมกอัพเทรนด์ ซีซั่นล่าสุดได้!! แต่ขึ้นชื่อว่า “บ็อบบี้ บราวน์” ซะอย่าง ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงแน่นอน เพราะหยิบจับอะไรขึ้นมา ก็เนรมิตให้กลายเป็นของฮอตติดตลาดได้สบาย คอลเลกชั่นใหม่ได้แรงบันดาลใจจากปกหนังสือโบราณ ที่สวยงามคลาสสิก ถ่ายทอดออกมาเป็นโมดสีใหม่ ภายใต้รหัส “MAUVE” ให้สาวๆได้แต่งแต้มกันอย่างมีความสุข เป็นสีโทนเย็นให้ความรู้สึกนุ่มนวลละมุนตา ผสมผสานระหว่างประกายแห่งสีม่วง, เทา และน้ำตาล เฉดสีสวยที่ใครๆก็อยากครอบครอง

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551



วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551
เคล็ดลับความงามในที่ทำงาน

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551


วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

ชะอม
ถ้าผมของคุณขาดชีวิตชีวา เจอลมแรงยังแทบไม่กระดิก แล้วล่ะก็ แนะนำว่าให้ใช้สูตรชะอม โดยใช้ใบชะอมประมาณ 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำสะอาด 3 ถ้วยจนเดือด กรองเอาแต่น้ำเขียวๆ นำไปวางไว้ให้เย็น หลังจากสระผมสะอาดแล้ว นำผ้าขนหนูชุบน้ำชะอมพอหมาดๆ เช็ดถูให้ทั่วศีรษะ จะช่วยคืนสภาพเส้นผมให้ดีขึ้นได้ และยังช่วยไม่ให้ผมแตกปลายอีกด้วย แต่ก็คงต้องทนกลิ่นเหม็นเขียวของชะอมสักหน่อยนะคะ
ตะไคร้
ตะไคร้ที่เราใส่ในต้มยำ นี่แหละค่ะ ใช้แก้ปัญหาผมแตกปลายได้ผลดีทีเดียว ให้ใช้ตะไคร้ 2-3 ต้น นำมาโขลกให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ หลังจากสระผมสะอาดดีแล้วนำน้ำตะไคร้มาชะโลมและนวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออก ทำกันเป็นประจำสัก 2 เดือน รับรองได้ว่า ปัญหาผมแตกปลาย จะไม่ใช่เรื่องกวนใจคุณอีกต่อไปค่ะ กล้วย
นำกล้วยน้ำว้าสุกมาบด หยดน้ำมันอัลมอนด์ลงไปเล็กน้อย ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมานวดลงบนเส้นผมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ ,15 นาที เพื่อให้ส่วนผสม ค่อยๆซึมเข้าไป แล้วจึงล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผมแห้งกรอบ ขาดชีวิตชีวา ก็จะฟื้นคืนชีพได้
ใช้น้ำมันมะกอกผสมกับน้ำมันหอมโรสแมรี่ นำมานวดให้ทั่ว หมักผมค้างไว้ 1 คืนแล้วค่อยสระผมในตอนเช้า จะช่วยขจัดรังแคได้ค่ะวีทเจิร์มสูตรคอนดิชั้นเนอรฺชนิดเข้มข้น นำวีทเจอร์ม มาผสมกับน้ำมันมะกอก แล้วนวดให้ทั่วศีรษะ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น บิดให้แห้ง นำมาคลุมผมไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงล้างออก
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551
นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตา ทรวดทรงองค์เอวที่สาวๆ พิถีพิถันในการดูแลแล้ว แผ่นหลัง ก็เป็นอีกส่วนที่สาวๆ สมัยนี้ให้ความใส่ใจไม่น้อย เพราะแผ่นหลังก็เป็นอีกส่วนที่เสริมความเซ็กซี่ให้กับสาวๆ ถ้าแผ่นหลังที่โชว์ มีแต่ผด ผื่น สิว คราบไคล รอยด่างดำเต็มไปหมด คงไม่มีใครอยากมอง ดีไม่ดียังถูกตราหน้าอีกว่า...จะโชว์ทำไม!!
สาวๆ เขามีเคล็ดลับดูแลแผ่นหลังให้นวลเนียนเซ็กซี่ยังไง ลองไปฟังโดยสาวช่างจ้อ เก๋-ชลลดา เมฆราตรี ที่นอกจากจะหุ่นดีใส่ชุดรัดรูปแล้ว เธอยังมั่นใจโชว์แผ่นหลังให้คนเหลียวมองอีกด้วย บอกว่า

"สาวหน้าฝรั่ง สา-มาริสา อานิต้า ยิ้มรับเมื่อถูกชมผิวสวย แล้วก็กล่าวว่า "รู้สึกดีนะที่คนมองว่าผิวสวย ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง วิธีดูแลแผ่นหลังของสาก็ไม่มีอะไรมาก แค่อาบน้ำให้สะอาด ไปสปาขัดตัวในบางครั้ง ถามว่ามั่นใจแผ่นหลังหรือเปล่า มันเป็นช่วงๆ ช่วงไหนถ่ายละครอากาศร้อนก็จะเป็นผดผื่น แต่ช่วงไหนไม่ได้ถ่ายละครผิวจะเนียนสวยค่ะ"
ตั้งแต่พึ่งมีดหมอเสริมเต้า ดูว่าคุณแม่ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี จะขยันแต่งตัวเปิดหน้าโชว์หลัง
"ความจริงบุ๋มไม่ค่อยดูแลอะไรเป็นพิเศษ แต่เวลาออกงานจะทาครีมบ้าง บางครั้งถ้ามีเวลาก็เข้าสปาขัดผิว และในแต่ละวันจะพยายามหลบเลี่ยงสเปรย์ฉีดผม บุ๋มแพ้สเปรย์ฉีดผมทำให้ผื่นและสิวขึ้นหลัง เราต้องดูแลตรงนี้ด้วยค่ะ" บุ๋มแนะเคล็ดลับ
ส่วนสาวรายนี้ จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช ทองมี บอกเวลาออกงานจะโชว์แผ่นหลังบ่อย พอๆ กับที่โชว์หน้า
"ตอนเด็กๆ จ๋าเคยเป็นผดขึ้นที่หลัง แต่พอโตขึ้นมารู้ว่าควรจะทำยังไงไม่ให้มีผด พอไม่มีผดปั๊บก็สบายไปแล้วกึ่งหนึ่ง แล้วจ๋าก็จะขัดตัวเดือนละครั้ง ซึ่งมันจะช่วยให้ผิวหนังชั้นกำพร้าออกไป พอมันออก ไม่เกิดผดขึ้นมาอีก จ๋าดูแลธรรมดาไม่ถึงขั้นเป็นพิเศษ ก็ภูมิใจนะที่คนชมว่าหลังสวย"
ประชันถ่ายรูปคู่กันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สำหรับหนู เอมมี่-มรกต กิตติสาระ กับสาวหมวยเซ็กซี่ เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร โดย "เอมมี่" พูดขึ้นก่อนว่า
"เปิดหลังกับเปิดหน้าถามว่าอย่างไหนเซ็กซี่กว่ากัน มี่ว่าแล้วแต่คนมอง สำหรับมี่ชอบเปิดหลังมากกว่าเพราะไม่ต้องระวังอะไรมาก มี่เป็นคนไม่ค่อยได้ดูแลหลังเท่าไร ยิ่งตอนนี้แพ้ชุดที่ใส่เล่นละคร ทำให้เป็นผดแดงๆ เลยไม่ค่อยได้โชว์หลังเท่าไรแล้วค่ะ"

สำหรับวิธีดูแลผิวหลัง ตองว่า " ไม่มีอะไรมาก นอกจากกินอิ่ม นอนหลับ อาบน้ำให้สะอาดค่ะ เวลาอาบน้ำเราควรอาบน้ำถูสบู่ทั้งด้านหน้าและหลัง หลังอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้ง และอย่าลืมเช็ดหลังด้วย ถ้าเช็ดไม่ถึงก็ควรหาคู่ไปถูให้ค่ะ" ตบมุขอย่างนี้ แล้วตัวเองล่ะ มีใครถูหลังให้รึยัง
ฟากสาว ฟาง-พิชญา ศรีเทพย์ กล่าวว่า "หนูจะไม่ทาครีมที่หลังเพราะกลัวอุดตัน แต่จะมีบ้างที่นานๆ ทีไปขัดผิว เพราะถ้าไม่ขัดเลยอาจมีเหงื่อไคลทำให้หลังเกิดสิว ส่วนตัวเคยมีปัญหาเรื่องสิวที่แผ่นหลัง ก็จะใช้วิธีรวบผม ไม่ให้ผมมาโดนแผ่นหลังเท่าไหร่ ที่สำคัญต้องสระผมบ่อยๆ ค่ะ"
เหล่านี้คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการดูแล "แผ่นหลัง" ให้เนียนสวยของเหล่าดารา แล้วคุณล่ะ มีเคล็ดลับดีๆ รึยัง ถ้ายัง...ลองนำเคล็ดลับของดาราไปใช้ดูนะค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551
มือสวย...



เพื่อให้เนื้อครีมซึมซับสู่ผิวพรรณ สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวในขณะหลับ และตอนเช้าก็ให้ทาอีกครั้งเพื่อป้องกันมือของคุณจากแสงแดด
ทาโยเกิร์ตทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยให้มือนุ่มน่าสัมผัสขึ้น
ใช่ไข่แดง 2 ฟอง ผสมกับน้ำสับปะรดคั้น 3 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากันแช่มือของคุณไว้ประมาณ 30-40 นาที แล้วล้างออก หมั่นทำ เดือนละ 2 ครั้ง
วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ยามอารมณ์แจ่มใส รอบกายมีแต่สิ่งสวยงาม เรียวปากย่อมแย้มยิ้ม แสดงความรู้สึกสุขใจ แต่เมื่อใดเกิดความไม่พอใจหรือไม่สบอารมณ์ เรียวปากน้อย ๆ ก็อาจเหยียดตรง หลุบลง หรือเม้มไว้ บ่งบอกความรู้สึกขัดใจ แม้แต่ศาสตร์โหงวเฮ้งของจีนเองก็ยังยกให้ปากเป็นอวัยวะสำคัญที่บ่งบอกลักษณะนิสัยใจคอ บุคลิก และวิถีชีวิตของผู้เป็นเจ้าของ เรียวปากจึงมีความสำคัญมิใช่น้อย และเป็นอวัยวะสำคัญที่เจ้าของไม่ควรละเลย และด้วยเหตุผลที่ริมฝีปากสามารถสะท้อนความนัยไปถึงอวัยวะอันลึกเร้นของเพศหญิง จุดประสงค์ใหญ่ของการทาปาก จึงเป็นไปเพื่อดึงดูดใจเพศตรงข้ามให้หลงใหลในความชุ่มฉ่ำเย้ายวน...
เรียวปากสวยดังใจ หญิงสาวทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากมีริมฝีปากสวยงามได้รูป หากใครเกิดมาพร้อมริมฝีปากที่ลงตัวสมสัดส่วนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่หากสาวใดไม่โชคดีขนาดนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะการแต่งแต้มและเพิ่มสีสันให้เรียวปากจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่มีเรียวปากที่สดใส ทุกส่วนของใบหน้าก็จะดูแจ่มใสเจิดจ้าขึ้นได้อย่างน่าแปลกใจ ลิปสติกจึงเป็นเครื่องสำอางที่สำคัญที่สุดมาตลอดทุกยุค ขนาดสาว ๆ เมื่อ 5,000 ปีก่อน เขาก็ยังใช้สีสันจากธรรมชาติมาทาปากกันแล้ว

เคล็บลับ หากต้องการให้สีสันของลิปสติกติดทนนานกว่าเดิม ควรทารองพื้นให้ทั่วริมฝีปากก่อนทาลิปสติก


เคล็ดลับ อากาศร้อน ๆ อย่างนี้จะทำให้เนื้อดินสอเขียนขอบปากนิ่มและหักง่าย ก่อนใช้ให้นำไปแช่ตู้เย็น หรือนำมาจุ่มน้ำเย็นสักครู่ จะช่วยให้เนื้อดินสอแข็งขึ้น

ลิปสติกเนื้อด้าน (Matte Lipstick) เหมาะกับการเน้นสีสันของริมฝีปาก เป็นชนิดที่ติดทนนานที่สุดเพราะมีส่วนผสมของแป้งในเปอร์เซ็นต์สูง แต่เมื่อทาแล้วปากจะแห้งมาก แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนส่วนผสมของเนื้อลิปสติกจากแป้งมาเป็นโพลีเมอร์และซิลิโคน เพื่อช่วยให้ปากชุ่มชื้นขึ้น หรือลองผสมลิปสติกเนื้อด้านเข้ากับลิปบาล์ม อาจทำให้ติดทนนานน้อยลงไปบ้างแต่ริมฝีปากจะชุ่มชื้นมากขึ้น
ลิปสติกเนื้อครีม (Cream Lipstick) สีแบบทึบแสงของลิปสติกชนิดนี้จะช่วยให้ริมฝีปากดูเต็ม อวบอิ่มและอ่อนเยาว์ เนื้อลิปสติกที่เนียนเรียบยังช่วยให้การทาปากสีเข้มดูอ่อนโยนและเย้ายวนขึ้น วิธีที่ดีที่สุดในการทาลิปสติกชนิดนี้คือ ทาชั้นแรกแล้วควรใช้กระดาษทิชชูซับริมฝีปากก่อน จากนั้นใช้พู่กันระบายทับลงไป วิธีนี้จะ
ช่วยให้สีสันติดทนนานขึ้นกว่าเดิม

ลิปกลอส (Gloss) จะช่วยให้ริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์ ทั้งยังทำให้ปากเรียบเนียนได้ดีกว่าลิปสติกทั่วไป จะใช้ทาเดี่ยว ๆ เพื่อเน้นสีธรรมชาติของริมฝีปากเพียงอย่างเดียว หรือทาทับลงไปบนลิปสติกเพื่อเพิ่มความเงางามหรือเป็นไฮไลท์ก็ได้
วิธีเลือกลิปสติก
สีสันของลิปสติกมีหลายเฉด หลากโทน รวม ๆ แล้วก็มากมายหลายร้อยสี สิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกสีใดก็ตาม คือ อย่าให้แรงดึงดูดแห่งสีสันของลิปสติกเหล่านั้นมีพลังอำนาจมากกว่าตัวตนจริง ๆ ของเรา ควรจะเลือกสีลิปสติกที่บ่งบอกความเป็นตัวตนจริง ๆ ของเรามากกว่า


วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2551
เคล็ดลับง่าย ๆ ของการมีผิวสวยใส ไร้ริ้วรอย คือ การรู้จักเลือกใช้ครีมบำรุงผิวอย่างเข้าใจ

วิตามินเหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยแห่งวัย ซึ่งสารต้านการเกิดอนุมูลอิสระสามารถจำแนกได้เป็น 2 ชนิด คือ

ผิวชั้นนอก (Epidermis) มีปริมาณของสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากกว่าผิวชั้นใน (Dermis) หลายเท่า เนื่องจากเป็นส่วนที่ปกคลุมร่างกายชั้นนอกสุด จึงต้องมีระบบต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ
คุณสมบัติสำคัญของสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในอุดมคติที่นักวิทยาศาสตร์คิดค้นเพื่อนำมาใช้ผสมในครีมบำรุงผิวต่อต้านริ้วรอย
1. มีหน้าที่สำคัญทางสรีรศาสตร์ต่อผิวหนัง
2. สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้หลายชนิด
3. หาง่าย ไม่เป็นพิษและไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
4. ดูดซึมทางผิวหนังได้ดีในรูปของสารออกฤทธิ์
5. ผลิตภัณฑ์มีความคงตัว
6. ไม่เกิดการสันดาปกับออกซิเจนได้ง่าย ๆ ในบริเวณส่วนของผิวที่ต้องการการซ่อมแซมและปกป้อง

วิตามินซีส่วนใหญ่อยู่ในรูปของกรดแอล-แอสคอร์บิก (L-Ascorbic Acid) ได้แก่ แอสคอร์บิลพาลมิเทต และแอสคอร์บิลฟอสเฟต ซึ่งแอสคอร์บิลฟอสเฟตเป็นวิตามินซีที่ละลายน้ำได้ดีและคงตัวอยู่ได้นานถึง 6 เดือน จึงมีผู้นำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หลายชนิด ส่วนแอสคอร์บิลพาลมิเทตนั้นละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน จึงใช้เป็นส่วนผสมในครีม โลชั่น และน้ำมัน ข้อดีของสารตัวนี้คือมีค่า pH หรือค่าความเป็นกรด-ด่าง ที่เป็นกลางจึงไม่ระคายเคืองต่อผิว
จากการทดสอบพบว่า การทาวิตามินซีบนผิวสามารถลดอาการบวมแดงหรืออาการไหม้จากแสงแดดได้ โดยหากผสมวิตามินอี ลงไปด้วยก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ได้ผลใกล้เคียงกับครีมกันแดดที่มีออกซิเบนโซนเป็นส่วนประกอบ และหากใช้วิตามินซี วิตามินอี และออกซิเบนโซน ร่วมกันก็จะสามารถป้องกันภาวะพิษจากแสงแดดได้เกือบ 100% อย่างไรก็ตาม วิตามินซีไม่สามารถป้องกันการหย่อนยานของผิวได้ รวมทั้งยังไม่มีผลการศึกษาและทดสอบกับคนจำนวนมาก เพื่อยืนยันว่าวิตามินซีมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดในเรื่องดังกล่าว
ร่างกายสามารถรับวิตามินอีได้ถึงวันละ 3,000 มก. อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่เป็นอันตราย แต่สำหรับผู้ที่มีอาการของความดันโลหิตและเบาหวาน ไม่ควรใช้ในขนาดสูงกว่า 4,000 มก. และพบว่ายาระบายและยาคุมกำเนิดมีฤทธิ์ต้านวิตามินอีด้วย วิตามินอีมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการรักษาความเยาว์วัยของผิว คือ ช่วยในเรื่องการสร้างตัวของเซลล์ใหม่ การทำงานของต่อมและฮอร์โมน รวมทั้งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป การขาดวิตามินอี ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงเปราะ แตกง่าย และคอลลาเจนที่ผิวหนังลดลง จึงเกิดเป็นริ้วรอย และมีการสะสมของไขมันอย่างผิดปกติ
ผลการทดลองพบว่า วิตามินอี สามารถลดอาการไหม้จากแสงแดด ช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้น ในการทดลองเกี่ยวกับมะเร็งผิวหนัง การทาและการรับประทานวิตามินอีจะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ ส่วนการรับประทานวิตามินเอและวิตามินอีอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถลดอัตราเสี่ยงในการเกิดเซลล์มะเร็งขั้นพื้นฐานได้ถึง 70% และพบด้วยว่า การรับประทานวิตามินอีวันละ 400 มก. ในผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารจะทำให้แผลหายเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก แต่การทาวิตามินอีกลับไม่มีผลต่อความหนาและสภาพของแผลเป็น

สารตั้งต้นของวิตามินเอ ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเนื้อเยื่อเซลล์จากอนุมูลอิสระไลพิดเพอร์ออกไซด์ (Lipid Peroxidation) พบมากในผักใบเขียว แครอท มันฝรั่งหวาน แคนตาลูป เนื้อสัตว์ เนย และเนยแข็ง และถูกดูดซึมสู่ร่างกายได้ดีเมื่อรับประทานร่วมกับอาหารที่มีไขมัน
ในการทดลองกับสัตว์พบว่า เบต้าแคโรทีน สามารถยับยั้งมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากแสงแดด แต่ประสิทธิภาพนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในคน เราสามารถรับประทานเบต้าแคโรทีนได้ถึงวันละ 180 มก. โดยไม่เป็นอันตราย แต่หากรับประทานมากกว่า 30 มก. ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวเป็นสีเหลืองได้

โคเอ็นไซม์ คิวเท็น และ โค คิวเท็น ยูบีควิโนน (Co-Enzyme Q10, Co Q10 Ubiquinone) โคเอ็นไซม์ คิวเท็น เป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่มีอยู่ในเซลล์ของร่างกายตามธรรมชาติ ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อ 40 ปีมาแล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีการใช้โคเอ็นไซม์ คิวเท็นกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการเผาผลาญเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน พบมากในอวัยวะที่มีการเผาผลาญสูง ได้แก่ หัวใจ ไต และตับ หากขาดคิวเท็น เซลล์จะเสื่อมสภาพ เป็นผลให้ผิวพรรณทรุดโทรมและเกิดริ้วรอยก่อนวัย ส่วนยูบีควินอลซึ่งเป็นรูปลดทางเคมีของยูบีควิโนน มีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ละลายในไขมันเพียงชนิดเดียวที่ร่างกายสร้างขึ้นมาได้เอง จะพบยูบีควินอลในบริเวณผิวหนังชั้นนอกมากกว่าผิวชั้นในถึง 10 เท่า
ในการทดสอบบนเซลล์ผิวหนังมนุษย์ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น สามารถป้องกันการสันดาปจากแสงยูวีเอ ช่วยชะลอความเสื่อมตามธรรมชาติ ให้เซลล์สร้างเส้นใยด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ เพิ่มระดับของกรดไฮยาลูโรเนทที่ให้ความชุ่มชื้นในผิวชั้นใน ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ในเคราติโนไซด์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผมและเล็บ มีความระคายเคืองต่ำแม้จะใช้ในปริมาณความเข้มข้นสูง สามารถใช้ในผิวบอบบาง แต่อาจมีอาการคันยิบ ๆ รอบจมูกเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องสำอางบางชนิด อย่างไรก็ตาม จากการทดลองกับหนู พบว่า โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ไม่ได้ช่วยยืดอายุ และไม่มีผลต่อการสะสมตัวของกระสีที่เกิดจากไขมันในเนื้อเยื่อซึ่งพบในสิ่งมีชีวิตที่อายุมากแล้ว จากการทดลองทาโคเอ็นไซม์ คิวเท็น สังเคราะห์รอบดวงตาของอาสาสมัคร พบว่าสามารถลดรอยย่นรอบดวงตาได้ ในปัจจุบันมีการนำโคเอ็นไซม์ คิวเท็นมาใช้เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์เพื่อป้องกันและรักษาโรคหลายชนิด รวมทั้งชะลอความแก่
ซุปเปอร์ออกไซด์ ดิสมิวเทส (Super Oxide Dismutase - SOD)เป็นเอ็นไซม์ชนิดหนึ่งในระบบป้องกันที่เป็นตัวทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญภายในของร่างกาย จากการทดลองพบว่า การเลี้ยงหนอนปกติด้วยสารสังเคราะห์ที่คล้ายกับซุปเปอร์ออกไซด์ ดิสมิวเทส จะช่วยยืดอายุได้ถึง 44% และในหนอนที่แก่เร็วกว่าปกติจะช่วยยืดอายุได้ถึง 67%
สารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavanoids Compounds)สามารถยับยั้งเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างอนุมูลอิสระ เช่น แซนทีน ออกซิเดส (Xanthine Oxidase) และไลโปเปอร์ออกซิเดส (Lipo Peroxidase) นอกจากนี้ยังสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องการแตกตัวของดีเอ็นเอ (DNA) ได้ด้วย สารในกลุ่มนี้ ได้แก่ รูติน (Rutin) พีโนจีนอล (Pynogenol) เควอเซติน (Quercetin) แคทเทชิน (Catechin) และแนรินกิน (Naringin) โดยที่สารรูตินและเควอเซติน มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซีถึง 10 เท่า รูตินและกรดโคลโรเจนิก (Chlorogenic Acid - CGA) พบมากในใบยาสูบ ส่วนพีโนจีนอลหรือวิตามินพี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทนความร้อนได้ดี สกัดได้จากเปลือกสน (French Maritime Pine) และเมล็ดองุ่น

ควรใช้ครีมบำรุงผิวบ่อยแค่ไหน
การใช้ครีมบำรุงผิวควรใช้อย่างสม่ำเสมอ เชน ทุกครั้งที่อาบน้ำชำระร่างกาย เป็นการป้องกันไม่ให้ผิวหนังแตกเป็นขุย บางคนผิวแห้งแตกเป็นขุยและมีอาการคันร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าหนาว มักจะเกิดการคันสาเหตุจากผิวหนังแห้งมากนั่นเอง การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินธรรมชาติและสารสกัดจากสมุนไพรก็จะช่วยเพิ่มประโยชน์และคุณค่าต่อผิวหนังมากยิ่งขึ้น
หากคุณรู้จักวิธีเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอดีแล้ว คราวนี้ตำแหน่งสาวงาม สวย สะดุดตา จะเป็นของคุณบ้างอย่างไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ ๆ...